ศิษย์เก่าราชินี เสนอเปิดพื้นที่รับฟังความเห็นเด็ก

พระนคร24 ส.ค.-ตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนราชินี นำ 999 รายชื่อ ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อผู้บริหารโรงเรียน รับฟัง และเปิดพื้นที่ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในมาตรฐานเดียวกัน หลังออกประกาศห้ามใช้โรงเรียนเคลื่อนไหวทางการเมือง


ตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนราชินี กล่าวภายหลังเดินทางเข้าพบผู้บริหารโรงเรียนราชินี เพื่อยื่นหนังสือเกี่ยวกับความกังวลต่อประกาศโรงเรียนราชินี ห้ามใช้โรงเรียนเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้เป็นการมาชุมนุม แต่มายื่นจดหมายเปิดผนึก ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน จำนวน 999 รายชื่อ เพื่อแสดงจุดยืนตามที่ระบุไว้ในจดหมายทุกประกาศ และโรงเรียนได้รับข้อจดหมายและมีการพูดคุยตามปกติ

โดยทางศิษย์เก่าได้เสนอแนวทางการพูดคุย ให้ความรู้กับเด็ก ๆ ในอายุขนาดนี้ ทางโรงเรียนยินดีรับฟังแนวทางที่เราเสนอ พร้อมยอมรับว่า ทำได้เท่านี้ในฐานะศิษย์เก่า


ส่วนหลังจากนี้โรงเรียนจะมีแนวทางอย่างไรคงต้องเคารพสิทธิของโรงเรียนเช่นกัน สำหรับท่าทีของโรงเรียนวันนี้ เป็นปกติ เพราะเรามาในฐานะศิษย์เก่า นักเรียน กับคุณครู ไม่ได้มาเพื่อจะปะทะใคร แต่มาเพื่อพูดคุยอย่างสันติ และมีหลายๆเรื่องที่พูดคุย แต่ขอไม่เปิดเผยเพราะเป็นการภายใน

สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก ระบุว่า
ตามที่โรงเรียนราชินีมีประกาศ เรื่อง ‘การเรียกร้องทางการเมืองโดยอ้างประชาธิปไตย’ ออกจดหมายเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ฉบับที่ สผ.จ035/2563 ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความไม่สบายใจของศิษย์เก่าราชินีจำนวนมาก ถึงวัตถุประสงค์ของโรงเรียนในการออกประกาศฉบับนี้ ในประเด็นดังต่อไปนี้

ประการที่ 1 ตามที่ปรากฏในจดหมายว่า “…พื้นที่โรงเรียน ไม่เคยใช้ในทางการเมือง และไม่อนุญาตให้กลุ่มบุคคล หรือคณะบุคคลใดมาใช้พื้นที่ โดยผ่านนักเรียนหรือนักเรียนเก่า…” ขัดกับข้อเท็จจริงว่า ในอดีตที่ผ่านมาแม้ไม่ปรากฏชัดว่ามีการใช้พื้นที่ของโรงเรียนประกอบกิจกรรมทางการเมือง แต่ก็มีกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติกรรมแอบอ้างนำชื่อของโรงเรียนไปใช้ทางการเมือง ตลอดจนแสดงความคิดเห็นในนามของโรงเรียนอยู่เสมอ โดยที่โรงเรียนไม่ได้โต้แย้ง ดังนั้นหากโรงเรียนต้องการแสดงออกถึงความเสมอภาคในกลุ่มศิษย์เก่าและนักเรียนปัจจุบันอย่างแท้จริง ต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนศิษย์ปัจจุบันสามารถมีพื้นที่ในการแสดงออกทางความคิดเห็นในมาตรฐานเดียวกัน


ประการที่ 2 ตามหลักสิทธิขั้นพื้นฐานและประกาศของ ศธ 0211.6/10419 ที่ได้ประกาศให้สถานศึกษาคำนึงถึงความปลอดภัยของการแสดงออกของนักเรียน โรงเรียนควรเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นและมีบทบาทสำคัญในการรับรองความปลอดภัยของนักเรียนให้ปราศจากการคุกคามทุกรูปแบบ

ประการที่ 3 สืบเนื่องจากประการที่ 2 ที่สถานศึกษาต้องคุ้มครองนักเรียนในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่ทางโรงเรียนกลับกล่าวหานักเรียนว่า “…ก้าวล่วงสถาบันหลักของประเทศ…” ทั้งที่นักเรียนไม่ได้กระทำการใดอันอาจกล่าวได้ว่าเป็นการก้าวล่วง ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาอันร้ายแรง ดังนั้น โรงเรียนจึงควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ และในขณะที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดควรเป็นหลักยึดเหนี่ยวและสร้างขวัญกำลังใจให้นักเรียน รวมถึงสถาบันการศึกษาควรเป็นพื้นที่อันปลอดภัยสำหรับนักเรียนในการแสดงออกทุกรูปแบบ

ประการที่ 4 ตามที่ประกาศระบุว่ามีปัญหาการกลั่นแกล้งภายในโรงเรียน หากปรากฏว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ขอแสดงความเชื่อมั่นว่า ทางโรงเรียนย่อมจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างที่ดำเนินการมาตลอดตามครรลองของสถานศึกษาที่มีคุณภาพ และขอให้นักเรียนศิษย์ปัจจุบันแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วยสันติวิธี โดยปราศจากการคุกคามหรือกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางความคิด

ในฐานะตัวแทนศิษย์เก่าฯ จำนวนหนึ่ง ขอแสดงความห่วงใยศิษย์ปัจจุบันและขอความกรุณาจากโรงเรียนโปรดแสดงจุดยืนที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออก โดยเชื่อมั่นว่าโรงเรียนจะเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนเฉกเช่นที่นักเรียนได้รับฟังและปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนมาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็น ลดช่องว่างทางความคิดและนำไปสู่ความเข้าใจและร่วมมือกันแก้ปัญหาได้ในที่สุด

บรรดาศิษย์เก่าที่มีรายนามข้างท้ายทุกคน ยังคงมีความรัก หวงแหน และตั้งใจที่จะสืบทอดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีในส่วนที่ดีงามของโรงเรียนราชินีดังเดิม มิได้มีอคติหรือตั้งใจทำลายชื่อเสียงของโรงเรียนแต่อย่างใด ทั้งมิได้ต้องการก้าวล่วงหรือโจมตีความเชื่อความศรัทธาของบุคคลใด

ท้ายที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้กับนักเรียนศิษย์ปัจจุบันที่กล้าหาญในการแสดงความคิดของตนเอง และขอเป็นกำลังใจให้กับคณะครูทุกท่านให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ และเชื่อมั่นว่าโรงเรียนจะพัฒนาวิถีราชินีไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อดำรงอยู่เป็นสถานศึกษาอันทรงเกียรติ และเป็นหลักยึดเหนี่ยวของศิษย์ทุกคนสืบไป .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]