รร.ราชินี ออกประกาศถึงผู้ปกครอง ลงชื่อรับทราบ

กทม. 21 ส.ค.-รร.ราชินี ออกประกาศถึงผู้ปกครองให้เรียกอ่านจดหมายจากนักเรียนที่ทางโรงเรียนส่งไปให้เพื่อลงชื่อรับทราบ และส่งคืนครูประจำชั้นในวันจันทร์นี้ ขณะที่เพจชมรมนักเรียนเก่าฯ เผยแพร่รายละเอียดของประกาศ โดยระบุว่า ไม่อนุญาตให้นักเรียนก้าวล่วงสถาบันและกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อระเบียบโรงเรียน ทั้งการเคารพธงชาติ การข่มขู่นักเรียนอื่น หากฝ่าฝืนโรงเรียนจะลงโทษตามกฎระเบียบ หากผู้ปกครองคนใดไม่พอใจเรื่องที่โรงเรียนแจ้งนี้โรงเรียนยอมรับ “สิทธิ์ของผู้ปกครอง” ที่จะนำนักเรียนลาออกไปเรียนที่โรงเรียนอื่น ขณะที่ รร.มาแตร์เดอีวิทยาลัย ชี้แจงปฏิเสธทุกข้อความที่ปรากฏผ่านสื่อออนไลน์ไม่ใช่ของโรงเรียน ไม่ว่าจะ “โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้เด็กชู 3 นิ้วและถ้าไม่พอใจ ให้พาผู้ปกครองมาลาออกได้”


โรงเรียนราชินี ออกประกาศผ่านหน้าเวบไซต์ของโรงเรียน www.rajini.ac.th เรียนผู้ปกครอง เนื่องด้วยทางโรงเรียนได้มีจดหมายสำคัญส่งถึงผู้ปกครองนักเรียนทุกชั้น ลงวันที่ 21สิงหาคม 2563 ขอให้ผู้ปกครองได้เรียกอ่านจดหมายฉบับดังกล่าว จากนักเรียน ลงชื่อรับทราบ ท้ายจดหมาย และส่งคืนครูประจำชั้น ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563 จึงเรียนมาเพื่อทราบ โรงเรียนราชินี ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2563

ขณะที่เพจ “ชมรมนักเรียนเก่าราชินี” ได้โพสต์ขอแสดงจุดยืนชัดเจนตามประกาศ “เรื่องการเรียกร้องทางการเมืองโดยอ้างประชาธิปไตย” พร้อมประกาศของโรงเรียน โดยมีรายละเอียดว่า ตามที่ผู้ปกครองทราบกันดีว่า ในขณะนี้มีการเรียกร้องทางการเมืองโดยอ้างประชาธิปไตยโดยนักเรียนนิสิต นักศึกษาและมีนักเรียนบางคนของโรงเรียนเข้าร่วมด้วย ทางโรงเรียนจึงขอชี้แจง ดังนี้


สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ได้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนราชินี เมื่อพุทธศักราช 2447 เพื่อให้กุลสตรีไทยได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน และเจ้านายหลายพระองค์ในราชวงศ์จักรีได้ทรงอุปถัมภ์โรงเรียนตลอดมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ และพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ในปัจจุบันโรงเรียนราชีนี จัดการเรียนการสอนโดยยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พื้นที่โรงเรียน ไม่เคยใช้ในทางการเมืองและไม่อนุญาตให้กลุ่มบุคคลหรือคณะบุคคลใดมาใช้พื้นที่ โดยผ่านนักเรียนหรือนักเรียนเก่า ไม่ว่าจะอ้างว่า เป็นขบวนการประชาธิปไตยหรือขบวนการอื่นใดในทางการเมือง เพราะโรงเรียนต้องวางตัวเป็นกลาง ปรากฎว่าในช่วงเวลานี้มีนักเรียนหลายคนพยายามที่จะใช้พื้นที่โรงเรียนเพื่อประเด็นในทางการเมือง โดยมีความฝักใฝ่ขบวนการทางการเมืองนอกโรงเรียน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในลักษณะที่เสี่ยงต่อความผิดทางกฎหมายและสร้างความไม่สงบภายในโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนได้เปิดโอกาสให้นักเรียนมีสิทธิ์และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามสมควรภายในกรอบของกฎหมาย และต้องอยู่ในกฎระเบียบของโรงเรียน ซึ่งต้องไม่กระทบการเรียนการสอนและสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือก่อความแตกแยก ความเกรงกลัวในหมู่นักเรียนด้วยกัน และผู้อำนวยการยังเปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมศึกษาทุกชั้นพูดคุยด้วยและแสดงความคิดเห็นซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจกันทุกคน

แต่ปรากฏว่า นักเรียนกลุ่มดังกล่าวกลับกระทำการที่ไม่เป็นหลักของประชาธิปไตยใช้วิธีข่มขู่นักเรียนอื่นที่เห็นต่าง (Bully) จึงเกิดความหวาดกลัวในหมู่นักเรียนและความเบ็นห่วงของผู้ปครองนักเรียนเหล่านั้น และที่สำคัญก้าวล่วงสถาบันหลักของประเทศ นำชื่อของโรงเรียนไปใช้ให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมทั่วไปเข้าใจว่า โรงเรียนราชินีสนับสนุนการไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อันขัดต่อจุดยืนของโรงเรียน


ดังนั้น เพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของโรงเรียนราชินี ทางโรงเรียนจึงขอใช้ “สิทธิ์ของโรงเรียน” ไม่อนุญาตให้นักเรียนก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และกระทำการใด ๆ ที่ขัดต่อระเบียบของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นระเบียบการเคารพธงชาติและการข่มขู่นักเรียนอื่น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากนักเรียนฝ่าฝืน โรงเรียนจะต้องลงโทษตามกฎระเบียบ และหากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย โรงเรียนไม่อาจปกป้องนักเรียนจากการถูกดำเนินคดีหรือถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการตามกฎหมายได้

จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอให้ผู้ปกครองดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด และโรงเรียนพร้อมจะให้ความร่วมมือกับผู้ปกครองในการดูแลอบรมนักเรียนดังที่เคยปฏิบัติเสมอมา หากผู้ปกครองคนใดไม่พอใจเรื่องที่โรงเรียนแจ้งนี้ โรงเรียนยอมรับ “สิทธิ์ของผู้ปกครอง” ที่จะนำนักเรียนลาออกไปเรียนที่โรงเรียนอื่น

ขณะเดียวกัน เวบไซต์ของโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย Mater Dei School โพสต์ประกาศอย่างเป็นทางการจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ระบุว่าตามที่มีข้อความต่างๆ ปรากฎในสื่อออนไลน์เช่น “โรงเรียนจะไม่อนุญาตให้เด็กชู 3 นิ้ว และถ้าไม่พอใจ ให้พาผู้ปกครองมาลาออกได้” และอื่นๆ ก่อนหน้านั้น ขอเรียนว่า ทุกข้อความมิได้เป็นของโรงเรียน ประกาศ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2563 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง