ก.ยุติธรรม 7 ส.ค.-ศอ.ปส.แถลงตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศ 108 เครือข่าย ยึดทรัพย์เกือบ 1,600 ล้านบาทเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2563 เผยพบชนกลุ่มน้อยขยายพื้นที่กระจายทำธุรกิจหลายจังหวัดจากเหนือลงใต้แปรสภาพเงินค้ายาฯส่งเครือญาติ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ป.ป.ส.) และ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาปราบปรามยาเสพติด(รอง ผบช.ปส.) และผู้แทนหน่วยงานภาคีร่วมกันแถลงผลงานบูรณาการยึดทรัพย์สินตัดเส้นทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ของศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.)
รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ได้เดินหน้าตัดวงจรค้ายาเสพติดตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เน้นการสืบสวนสอบสวนทางการเงินเพื่อขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์สิน เพื่อให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากประเทศไทย ซึ่งตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงปัจจุบัน สามารถทำลายเครือข่ายทั้งประเทศได้ 108 เครือข่าย มูลค่ากว่า 1,599.75 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะยึดทรัพย์ให้ได้ 1,500 ล้านบาทในปีงบประมาณนี้ และเวลานี้ ยังมีเวลาอีกเดือนครึ่ง ตนเองอาจจะแถลงอีกครั้ง
“ส่วนตัวมั่นใจว่าการยึดทรัพย์1,500 ล้านบาทที่ตั้งไว้ ยังน้อยเกินไป เพราะเพียงแค่ 10 เดือนกว่าในปีงบประมาณนี้ ก็สามารถยึดเครือข่ายรวม 1,599.75 ล้านบาทแล้ว โดยจะให้โอกาสดีเอสไอแถลงอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงก่อนสิ้นปีงบประมาณ มั่นใจว่าตัวเลขยึดทรัพย์ที่จะแถลงจะทำให้มากกว่านี้ เพราะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการและดำเนินการ และทำอย่างจริงจังในช่วงท้ายปี” รมว.ยุติธรรม กล่าว
ด้านเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบายมา 3 ประเด็น ประเด็นที่ 1 เรื่องการบูรณาการการปฏิบัติ ทั้งการดำเนินการด้านการปฏิบัติการ การใช้เครื่องมือทางกฏหมาย การปฎิบัติการเรื่องข้อมูลหรือเทคโนโลยีที่แต่ละหน่วยงานมีอยู่ ผลการดำเนินงานนั้นมีความคืบหน้า , ประเด็นที่ 2 เรื่องการปรับกระบวนการทำงาน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมเชิงปฏิบัติการไปแล้ว 2 ครั้งเพื่อที่จะปรับแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การทำงานมีความกระชับและเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และประเด็นที่ 3 การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ได้แก่ การจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จะใช้เสริมในการสืบสวนสอบสวนให้เกิดประสิทธิภาพในการยึดทรัพย์และการฝากเงินให้ได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีดำริให้สำนักงาน ป.ป.ส.หารือกับทาง กลต.เพื่อป้องกันและปราบปรามการนำเงินสดสกุลดิจิทัลเข้ามาสู่กระบวนการค้าในตลาดหลักทรัพย์และการฟอกเงิน ซึ่งทาง กลต.จะดำเนินการจัดทำแผนผัง เพื่อที่จะดูว่าการใช้เงินสกุลดิจิทัลสำหรับการฝากเงินจะทำอย่างไรและจะป้องกันอย่างไร ส่วนการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เชื่อว่าการดำเนินการปราบปรามและตัดวงจรการค้ายาเสพติดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ รอง ผบช.ปส.รายงานผลการดำเดินการในช่วงเดือนกรกฎาคม2563 ว่า สามารถทำลายเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศได้ 55 เครือข่าย 91 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 187 คน ของกลางยาบ้า 3,757,280 เม็ด ไอซ์ 1,454 กิโลกรัม เฮโรอีน 8.4 กิโลกรัม คีตามีน 3.6 กิโลกรัม และกัญชา2,092 กิโลกรัม โดยยึดทรัพย์ 155 รายการ มูลค่า 212 ล้านบาท รวมยึดทรัพย์สินทั้งหมด 543 รายการ มูลค่า 251 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากปฏิบัติการล่าสุด เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ภายใต้ปฏิบัติการยุทธการสยบไพรี 63/16 “ยุทธการทลายขุมทรัพย์ จับแก๊งยานรก” สนธิกำลังเข้า จับกุมพื้นที่ทั่วประเทศทั้งแนวชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ ชายแดนภาคกลาง ภาคใต้และประเทศที่สาม สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 4 คน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการสั่งนำเข้ายาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ ดอยสะเก็ด แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ลงมากระจายสู่ภาภาคกลางภาคใต้และประเทศที่สาม
โดยเปิดธุรกิจค้าเสื้อผ้า ร้านขายของที่ระลึกบังหน้า เพื่อแปรสภาพทรัพย์ สินจากการค้ายาฯให้กลุ่มเครือญาติ ยึดอาคารพาณิชย์ 5 คูหา จังหวัดเชียงใหม่ และบ้าน 24 หลังในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย กรุงเทพฯและประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงโฉนดที่ดิน 12 แปลงจังหวัดเชียงใหม่ รถยนต์ 22 คัน รถจักรยานยนต์ 27 คัน อายัดบัญชีตรวจสอบ 52 บัญชี พร้อมบัตร กดเงินสด 5 รายการ รวมยึดทรัพย์สินทั้งหมด 147 รายการ มูลค่า 202ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย