สนามหลวง 14 ก.พ.-ประชาชนหลั่งไหลสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ที่สนามหลวง เนืองแน่น ซึ่งวันนี้เปิดให้สักการะเป็นวันสุดท้าย ถึงเวลา 20.00 น. ก่อนจะอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีน พรุ่งนี้ (15 ก.พ.68)
ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปีพ.ศ.2568 โดยเปิดให้ประชาชนสักการะระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567-14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมเป็นเวลา 73 วัน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และจะอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า มีประชาชนจำนวนมากทั้งจากกรุงเทพฯ และจากต่างจังหวัด ยังคงหลั่งไหลเดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้วอย่างเนืองแน่นและต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดให้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ได้ถึงเวลา 20.00 น. นี้
สำหรับยอดรวม ผู้เข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม2567-13 กุมภาพันธ์ 2568 มีทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามากราบสักการะ จำนวน 2,641,160 คน แบ่งเป็นคนไทยที่ผ่านจุดคัดกรอง 2,492,308 คน คนต่างชาติ 97,583 คน และพระสงฆ์ นักบวช 51,269 คน
ด้านนางลมูล พวงศรีพงศ์ พร้อมครอบครัว เดินทางมาจากย่านดอนเมือง เปิดเผยว่า แม้วันนี้รถจะติดมากแต่ทางครอบครัวก็ตั้งใจและใช้ความอุตสาหะ มาเพื่อมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เพราะไม่รู้ว่าทั้งชีวิตจะมีโอกาสได้มาอีกเมื่อไหร่ จึงพาลูกๆ และครอบครัวมาด้วย ประกอบกับวันนี้เป็นวันแห่งความรักจึงอยากให้เป็นวันพิเศษของทางครอบครัว ทันทีที่มาถึงก็รู้สึกประทับใจเพราะคนมากันเยอะ ทุกคนต่างเลื่อมใสศรัทธากันมาก หน้าตาทุกคนต่างอิ่มเอิบ.-419.-สำนักข่าวไทย