มหาดไทยเตรียมกำหนดมาตรฐานราคากลางอุปกรณ์กีฬาทั่วประเทศ

กทม. 8 มิ.ย. – มหาดไทยเตรียมกำหนดมาตรฐานราคากลางอุปกรณ์กีฬาทั่วประเทศ แก้ปัญหาระบบจัดซื้อจัดจ้างทั้งระบบ


นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานโครงการสำคัญของกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ณ บริเวณถนนราชดำเนิน เขตพระนคร เรื่องการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา ว่า ปัญหาสำคัญส่วนหนึ่งคือสำนักงบประมาณไม่เคยตั้งราคากลางมาตรฐานการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาไว้ ทำให้เกิดขั้นตอนของการสอบราคา จึงนำมาซึ่งการฮั้วของผู้ประกอบการ ทำให้ราคากลางสูง เมื่อจัดซื้อจัดจ้างก็เกิดปัญหา ที่ผ่านมาได้เชิญหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามากำหนดราคากลางของอุปกรณ์กีฬาแต่ก็ไม่สำเร็จ ในอนาคตจึงขอให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและกำหนดมาตรฐานราคากลางของอุปกรณ์กีฬาแต่ละประเภทให้ชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาทั่วประเทศและนั่นคือสิ่งที่ประชาชนต้องการ

ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ในทุกๆ ด้าน ซึ่งมหาดไทยอาจนำเป็นต้นแบบและโครงการนำร่อง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในทุกท้องถิ่นทั่วประเทศต่อไป


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ กทม.ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยมีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งกทม.พร้อมรับการตรวจสอบ และพยายามแก้ไขในเรื่องของระบบการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ ไม่ใช่แค่กรณีเครื่องออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงโครงการต่าง ๆ ในอนาคตด้วย เมื่อพบผู้กระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดและรวดเร็ว โดยมีคณะทำงานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน และขอให้มั่นใจว่า กทม. ไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องทุจริต โดยขณะนี้ได้มีคำสั่งชะลอทุกโครงการซื้อเครื่องออกกำลังกายในโครงการที่สุ่มเสี่ยงและไม่โปร่งใส 17 โครงการ โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับราชการแล้ว

“อุปกรณ์กีฬาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน กทม. ต้องการสร้างศูนย์กีฬาที่มีคุณภาพ แต่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ไม่มีราคากลางที่เป็นมาตรฐานชัดเจน สำหรับอุปกรณ์กีฬาแต่ละประเภท จึงทำให้เกิดช่องโหว่ดังกล่าว หากอุดช่องโหว่นี้ได้จะนำไปประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ด้านอื่น ๆ เช่น อิฐ หิน ปูน ทราย อุปกรณ์ก่อสร้าง ก็จะทำให้ทุกคนสบายใจขึ้น เพราะทุกคนได้แข่งขันกันในราคากลางมาตรฐานชัดเจนที่กำหนดไว้ วันนี้ กทม. เจ็บปวดในเรื่องทุจริต แต่ขอให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในอนาคต” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อไปว่า เรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างนั้นต้องตรวจสอบดูถึงช่องโหว่ของระเบียบกฎหมาย พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างปี 2560 โดยนำมาวิเคราะห์ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร อาทิ การเสนอราคา การเข้าประกวดราคา เนื่องจากผู้บริหารไม่สามารถเข้าไปดูทุกขั้นตอนได้ เพราะรูปแบบของพ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างคือการกระจายอำนาจ เช่น หากงบประมาณเกิน 200 ล้าน จะมีรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้พิจารณาอย่างละเอียด แต่หากงบประมาณน้อยก็จะกระจายให้หน่วยงานและพื้นที่พิจารณาเพื่อให้มีประสิทธิภาพและสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งรูปแบบ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ นี้ ใช้งานทั่วประเทศ ดังนั้นคิดว่าปัญหาจึงไม่ได้เกิดจากระบบที่วางไว้ แต่เกิดจากคนที่คิดจะทุจริตจึงหาโอกาสจากช่องว่างของกฎหมาย จึงต้องนำปัญหามาวิเคราะห์ในภาพรวมเพื่ออุดช่องโหว่ของกฎหมาย ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องคนก็ต้องแต่งตั้งคนที่ดีขึ้นมาบริหารงาน ดังนั้นการแก้ไขปัญหาระบบกับปัญหาเรื่องคนจึงต้องเดินไปด้วยกันในทิศทางเดียวกัน


ส่วนเรื่องของการมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหน่วยงานราชการในการควบคุมดูแลของรองปลัดกรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.67) เพื่อให้มั่นใจว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะมีความโปร่งใส ไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับพยานบุคคลและผู้ให้ข้อมูล โดยอาจจะมีการปรับเปลี่ยนคำสั่งฯ อื่นอีกในอนาคต ซึ่งกทม.ต้องเร่งสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และ กทม.มีความกังวลใจเพราะหากประชาชนไม่ให้ความไว้วางใจ กทม.ก็ไม่สามารถทำงานได้ จริงๆต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ และต้องไม่ปล่อยปละละเลยเมื่อมีคนแจ้งเหตุเข้ามา ต้องรีบดำเนินการทันที

ส่วนปัญหาเรื่องของรถขนส่งนักกีฬาของกองการกีฬาที่เป็นประเด็น เป็นรถที่ใช้งานแต่ใช้งานไม่บ่อย จึงต้องไปดูในส่วนของรายละเอียดการใช้งานต่อไป เบื้องต้นทราบข้อมูลว่าใช้งานมาตั้งแต่ปี 2561 โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องการตรวจสอบทุจริตเป็นเรื่องที่ดี โดยให้ประชาชนร่วมกันตรวจสอบถึงความโปร่งใสในการทำงานของ กทม.

เรื่องรถขนส่งนักกีฬาที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2561 นั้น เป็นรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน จึงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มค่าและความเหมาะสมต่อไป ซึ่ง กทม. มีรถราชการที่ใช้งานกว่า 10,000 คัน ต่อไปนี้คงต้องใช้งานให้มีประสิทธิภาพ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสม โดยไม่ต้องจัดซื้อรถเพิ่มเติม . -417 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]