ย้ำโรคจิตเวช รู้เร็ว รักษาเร็ว ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้

7 ธ.ค. – กรมสุขภาพจิต ย้ำโรคจิตเวชทุกโรคหาก รู้เร็ว รักษาเร็วและต่อเนื่อง จะช่วยให้ผู้ป่วยยังมีความสามารถในการใช้ชีวิตได้ หมั่นสังเกตสัญญาณเตือนคนใกล้ชิดเพื่อห่างไกลจากปัญหาอาการกำเริบจากการขาดการรักษา


จากการแสดงความความคิดเกี่ยวกับประเด็นผู้ที่มีอาการทางจิตเวชต้องได้รับการฟ้องร้องจากหน่วยงานเนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ในสังคมนั้น ยังมีความเข้าใจไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับ “โรคจิตเวช” และนำไปสู่การตีตราผู้ป่วยจิตเวชที่รักษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมชี้หลักการรักษาโรคทางจิตเวชทุกโรคคือ รู้เร็ว รักษาเร็ว รักษาต่อเนื่อง ทำให้ผลการรักษาดี ซึ่งส่งผลต่อการกลับสู่ความสามารถปกติของผู้ป่วย ในด้านความคิดตัดสินใจ อารมณ์ สังคม การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยครอบครัวร่วมสอดส่องการมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนให้เข้าสู่ระบบการรักษาก่อนสายเกินไป

นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตให้ความสำคัญและเน้นย้ำการป้องกันปัญหาของผู้ป่วยโรคจิตเวช โดยที่สำคัญคือเพิ่มการเข้าถึงบริการรักษาโดยใช้ยาและบำบัดทางจิตและฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อคืนสู่ชีวิตปกติของเขา โดยทั่วไป ผู้ป่วยโรคจิตเวชส่วนใหญ่สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การดูแลของญาติหรือบุคคลใกล้ชิดที่บ้านและชุมชน โดยใช้ยาปรับสมดุลการทำงานของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้อาการทางจิตดีขึ้นหรือหาย สามารถใช้ชีวิตและทำงานได้ ทั้งนี้ 3 สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยจิตเวชไม่เกิดอาการกำเริบ คือ 1.กินยาต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดเอง แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว 2.ไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด เช่น เหล้า บุหรี่ ยาบ้า และ 3.ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อปรับการรักษา หากปฏิบัติตามที่กล่าวมา ปัญหาอาการกำเริบน้อยลงและมีโอกาสป่วยซ้ำลดลงหรือหายทุเลา แต่หากปล่อยให้อาการกำเริบซ้ำแล้วซ้ำอีก จะมีโอกาสป่วยเรื้อรัง อาการจะเป็นๆ หายๆ จนรบกวนการใช้ชีวิต เช่นเดียวกับผู้ที่มีโรคประจำตัวทั่วไป โดยหลักการรักษาโรคทางจิตเวชทุกโรคคือ รู้เร็ว รักษาเร็วและต่อเนื่อง ผลการรักษาจะดี ทำให้ผู้ป่วยยังมีความสามารถในการคิด อารมณ์ สังคม การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติเช่นคนอื่น ๆ


นพ.ย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัญหาหลักที่ทำให้ผู้ป่วยจิตเวชอาการป่วยกำเริบซ้ำๆ ส่วนใหญ่คือการขาดยา สาเหตุที่ขาดยา คือ 1.ไม่ยอมกินยา เพราะคิดว่าไม่ได้ป่วย 2.กลัวเกิดผลข้างเคียงของยา 3.กลัวจะติดยา และ 4.คิดว่าตัวเองหายแล้ว การหยุดยาเองของผู้ป่วย ส่งผลให้อาการกลับมากำเริบและรุนแรงขึ้นกว่าเดิมส่งผลต่อการทำงาน ทั้งนี้ องค์กรควรมีระบบดูแลสุขภาพจิตของคนทำงาน ตั้งแต่การป้องกันไปจนถึงการรักษา นอกจากตรวจสุขภาพกายประจำปีแล้ว ควรมีการตรวจสุขภาพจิตประจำปีด้วย โดยหน่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขององค์กรควรมีความเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพจิตของคนทำงานทั้งกระบวนการ และใช้แนวคิดส่งเสริม ป้องกัน และนำเข้าสู่การรักษา ดำเนินการฟื้นฟูเมื่อดีขึ้น เพื่อให้สามารถทำงานได้ปกติ โดยเน้นย้ำว่าผู้ป่วยโรคจิตเวชสามารถกลับมาดีขึ้นได้และใช้ชีวิตได้ปกติ สามารถทำประโยชน์ให้สังคมได้เช่นกัน

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุภาพจิต กล่าวว่า โรคจิตเวชมีหลากหลายแต่สามารถแบ่งง่าย ๆ ออก เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ไม่รุนแรง แต่พบมาก เช่น โรควิตกกังวล กลุ่มนี้สามารถดำเนินชีวิตและทำงานได้ กลุ่มที่ 2 รุนแรง จนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติขณะป่วยโดยเฉพาะโรคซึมเศร้า โรคจิต โรคอารมณ์ 2 ขั้ว โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้รับหรือขาดการรักษาถ้ามีอาการขณะก่อเหตุ ทางกฎหมายพิจารณาให้บรรเทาโทษและให้รักษาได้ โดยโรคจิตเวชทุกคนสามารถเป็นได้และหายได้ และอาจจะเกิดจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม อาจจะสังเกตความผิดปกติของอาการโดยใช้ 5 สัญญานเตือน ที่ว่า ไม่หลับไม่นอน เดินไปเดินมา พูดจาคนเดียว หงุดหงิดฉุนเฉียว เที่ยว ครอบครัวมีส่วนช่วยสำคัญ ประกอบกับการกินยารักษาอาการตามแพทย์สั่งร่วมด้วย ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิต ร่วมกับคนในสังคมได้ แต่หากผู้ป่วยขาดยา ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อาจไปก่อเหตุกับผู้อื่น ซึ่งจะเกิดปัญหาต่อไป

กรมสุภาพจิตขอให้ประชาชนทุกคนช่วยกันสังเกตคนใกล้ชิด หากพบผู้ป่วยที่เข้าข่ายหรือมีสัญญาณเตือน ควรสนับสนุนให้เข้าสู่กระบวนการรักษา หรือ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อการรักษาต่อไป เพื่อให้คนที่ที่ทุกคนรักสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขโดยประชาชนสามารถขอรับคำปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

ล่าตัวผู้ต้องหายาเสพติดโดดรถไฟหนีขณะส่งตัว

ระดมกำลังไล่ล่าผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด ถูกจับได้ที่เมียนมา แต่หลบหนีการควบคุมขณะเดินทางโดยรถไฟ เพื่อส่งตัวมา สภ.เขาชัยสน

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสู่จีน

“สุริยะ” เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสู่จีน หลังประดิษฐานในไทยเป็นเวลา 73 วัน ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความศรัทธาและความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ

ล่าโจรชิงทอง 1.50 บาท พร้อมเราเตอร์ไวไฟ

ล่าชายชุดดำชิงทองร้านทองย่านหนามแดง ได้ทองไป 1.50 บาท พร้อมบังคับเอาโทรศัพท์มือถือพนักงานไป 1 เครื่อง และหยิบเราเตอร์ไวไฟไปด้วย เพราะคิดว่าเป็นเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด