ดราม่า “ครูกายแก้ว” เป็นเรื่องเล่าในตำนาน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค. – นักวิชาการด้านศาสนา แนะสายมู ควรมูอย่างมีสติ “ครูกายแก้ว” เป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีที่มาอย่างไร ขณะที่คนดังขอไม่ยุ่ง และไม่เชื่อ “ครูกายแก้ว”


จากจุดเริ่มต้นของตั้งแต่ที่รถบรรทุกรูปปั้นขนาดใหญ่มีขนาดสูงเกินกว่าสะพานลอยคนข้าม ไม่สามารถผ่านไปได้ บริเวณรัชดาภิเษก 36 โดยภายหลังพบว่า รูปปั้นขนาดใหญ่ยักษ์มีปีก ดวงตาแดง เขี้ยวสีทอง มีลักษณะคนกึ่งนกคือ “ครูกายแก้ว” จนมีพิธีบวงสรวงเบิกเนตรไป เมื่อวันที่ 13 ส.ค.

ประเด็นนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง กระทั่งโลกออนไลน์ต่างเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังจากที่มีการแชร์โพสต์ของ “บรรดาลูกศิษย์ครูกายแก้ว” ที่ต่างออกมาตามหา ลูกหมา, ลูกแมว, ลูกกระต่าย, ลูกไก่ ไปจนถึงลูกสัตว์ต่างๆ มีการตามหาเด็กทารกหรือเด็กไม่สมบูรณ์ด้วย โดยมีการอ้างว่า จะนำไปบูชายัญถวายครูกายแก้ว เนื่องจากเชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง


วันนี้บริเวณลานสักการะของโรงแรม เดอะบาซาร์ แบงค็อก (The Bazaar Hotel Bangkok) ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งรูปปั้น ครูกายแก้ว มีการล้อมรั้วปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ และติดประกาศห้ามเข้าตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. โดยจะเปิดให้เข้าสักการะได้ในช่วงเย็น หลังเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

แต่ตลอดทัังวัน ยังคงมีผู้ศรัทธาจากหลายพื้นที่ ทยอยเดินทางเข้ามาสักการะอย่างต่อเนื่อง แม้จะไหว้ได้แค่จากด้านนอกก็ตาม พนักงานบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เดินทางมาจากนนทบุรี เพื่อนำผลไม้ และเครื่องดื่มมาไหว้ หลังจากเมื่อ 2 วันก่อน เคยมาไหว้ขอพรเรื่องโชคลาภและการงาน แล้วสมหวัง เช่นเดียวกับหญิงชาวสุรินทร์ ที่นั่งรถเมล์มาจากรามคำแหง เพื่อนำองุ่นมาถวาย หลังจากเพิ่งมาร่วมพิธีบวงสรวง และเบิกเนตรครูกายแก้วไปเมื่อวันอาทิตย์ โดยส่วนตัวศรัทธาและเชื่อว่า ครูกายแก้ว เป็นนกการเวกในตำนาน มีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องโชคลาภและหน้าที่การงาน จึงกลับมาขอพรอีกครั้ง

ขณะที่ อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพุทธศาสนา บอกว่า ครูกายแก้ว เป็นเพียงเรื่องเล่าตามความเชื่อในตำนาน ไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือว่าแท้จริงแล้วมีที่มาอย่างไร ส่วนเรื่องเล่าที่บอกว่า มีที่มาจากพระสงฆ์รูปหนึ่งเดินทางไปธุดงค์ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิที่ปราสาทนครวัดนครธม ประเทศกัมพูชา และได้เรียนวิชาอาคมของครูกายแก้วสืบต่อมา ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าไปในช่วงเกิดสงคราม คงถูกกับระเบิดเสียชีวิตไปแล้ว หรือถ้าไปช่วงหลังสงคราม ที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด ไม่สามารถเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือทำสมาธิได้ และที่เล่ากันว่า ครูกายแก้ว เป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมรโบราณ ยิ่งไม่ใช่ เพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน ส่วนตัวมองว่า ครูกายแก้ว เป็นเพียงรูปปั้น ที่สร้างขึ้นจากจินตนาการตามความเชื่อของบางกลุ่มคน ไม่ใช่เทพ แต่เป็นปีศาจ มีลักษณะคล้ายกับเหมือนตัวกากอยด์ของฝั่งยุโรป


พร้อมเน้นย้ำว่า สายมูทั้งหลาย ควรมูอย่างมีสติ ใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองว่า มูแบบไหนดี หรือไม่ดี ไม่ควรมูในรูปแบบที่ละเมิดกฎหมาย สร้างความความเดือดร้อน หรือทำเรื่องผิดศีลธรรม เช่น การนำสุนัขและแมวไปบูชายัญ มันล้าหลัง ป่าเถื่อน และอำมหิต มันแสดงถึงความไม่ศิวิไลในการทำบุญ ทางที่ดีควรศรัทธาในคำสอนหรือปรัชญามากกว่า จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของการตลาดธุรกิจวัตถุมงคล

จิตแพทย์ ชี้ความเชื่อครูกายแก้ว อาจไม่ใช่เรื่องจริง

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงค์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เหมือนกับความเชื่อทั่วไปที่เกิดขึ้นในคนที่มีความไม่มั่นคงทางจิตใจ ต้องนำเรื่องของความเชื่อเข้ามาช่วยสนับสนุน ความคิดและการกระทำ เทคนิคที่จะทำให้ความเชื่อนั้น น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น คือ การสร้างสตอรี่ หรือเรื่องราวมาผนวกกัน เหมือนกับจตุคามรามเทพ หรือ ตุ๊กตาลูกเทพ โดยคราวนี้จะเห็นว่า มีการอ้างว่า ครูกายแก้ว มาจากเขมร หรือเป็นอาจารย์ของท่านใดก็ตาม เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกันว่า สตอรี่คือการสร้างเรื่องราว อาจไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพียงแต่เสริมเติมแต่งให้คนเกิดความเชื่อ และศรัทธา

ดังนั้นอยากให้ทุกคนไตร่ตรองก่อนจะเชื่อสิ่งใด เพราะต้องเข้าใจ ว่าทุกครั้งที่คนเราประสบปัญหา จะมีคนอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ 1. มุ่งแก้ไขปัญหาโดยปราศจากความเชื่อ คนกลุ่มนี้ไม่น่าเป็นห่วง 2. มีแต่ความเชื่อแต่ไม่มุ่งแก้ไข คนเหล่านี้จะมีพฤติกรรม อยู่เฉยๆ จนสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไป หากไม่มีอะไรร้ายแรง ก็จะเชื่อว่าสิ่งที่ตนนับถือศรัทธานั้นดลบันดาล และ 3. คนที่ทั้งเชื่อ และมุ่งแก้ไข คนกลุ่มนี้ ไม่น่ากังวลเท่ากับคนกลุ่มที่ 2 เพราะยังแก้ไข ทั้งเชื่อและดำเนินการแก้ไขไปด้วยกัน ดังนั้นการจะเชื่อและศรัทธาอะไร อย่าลืมที่จะต้องแก้ไขและพัฒนาชีวิตตนเองไปด้วย

คนดังขอไม่ยุ่ง และไม่เชื่อ “ครูกายแก้ว”

ขณะที่เหล่าคนดัง มีการเคลื่อนไหวกับเรื่องนี้เช่นกัน เช่น “ณวัฒน์ อิสรไกรศรี” เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ ออกมาโพสต์ในไอจีสตอรี่ฝากถึงสาวงามมิสแกรนด์ ทุกคนว่า “มิสแกรนด์ไทยแลนด์ และผู้ที่เตรียมตัวเข้าประกวดทุกคนขอความร่วมมือไม่ยุ่งเกี่ยวกับลัทธิครูกายแก้วไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม”

ขณะที่ “ริว จิตสัมผัส” ไลฟ์เฟซบุ๊กส่วนตัว บอกว่า ตนเองไม่ขอกราบไหว้ “ครูกายแก้ว” เพราะมีรูปลักษณ์เป็นซาตาน พญามาร คิดว่าไม่น่าจะดีเท่าไหร่ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว สัญลักษณ์แบบนี้ อัตลักษณ์แบบนี้มักจะเกี่ยวกับซาตาน ใครไหว้ซาตานให้ระวัง ขอได้แต่อาจต้องแลกกับของรักหรือชีวิต ชี้ไม่ควรเอาซาตานมาวางไว้กลางเมือง อาจจะเกิดสิ่งไม่ดี ริว ยังบอกด้วยว่า ตามที่ตนศึกษามา พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับถือพระพุทธเจ้า คิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะนับถือ “ครูกายแก้ว” ที่มีลักษณะเหมือนพญามาร คิดว่าคงมาจากการดลจิตดลใจของผู้สร้างเองหรือเปล่า ตนไม่แน่ใจ”

เช่นเดียวกับ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ก็ออกมาบอกว่า ไม่เชื่อ “ครูกายแก้ว” เป็นอาจารย์พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยบอกว่า “ครูกายแก้วคือใคร บอกว่าเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เอามาจากไหน ใครจะเถียง ก็ให้เอาหลักฐานมา ลองไปสืบค้นดูว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับถืออะไร จากหลักฐานที่ค้นพบ บอกว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับถืออยู่ 2 เรื่อง หนึ่งคือปรัชญาปารมิตา เป็นสูตรมหายาน พระแม่มารดา พระพุทธเจ้า นี่คือสิ่งที่หลักฐานค้นไปเจอ สองคือพระไภษัชยคุรุ พระพุทธเจ้า เป็นพระประธานวัดพระบาทน้ำพุ หรือที่เรากันเรียกว่า พระหมอยา พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับถือมากๆ และในสมัยนั้นมีคุรุ หรือครูบาอาจารย์ ที่สืบได้ว่ามีตัวตนจริงๆ และเป็นที่เคารพนับถือ แต่ไม่มีเรื่องครูกายแก้ว สืบให้ตายยังไงก็ไม่มี” .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย