กทม. สั่งทุกเขตปูพรมสำรวจถังดับเพลิง

กทม. 29 มิ.ย.- รองผู้ว่าฯ กทม. สั่งทุกเขตปูพรมสำรวจถังดับเพลิงในพื้นที่ จัดเก็บถังเสื่อมสภาพ เร่งนำถังที่สั่งซื้อใหม่มาทดแทน พร้อมทยอยนำข้อมูลถังเข้าระบบออนไลน์


“ถังดับเพลิงตอนนี้มีหลายที่มา แต่ไม่ว่าจะมาจากไหน เมื่ออยู่ในชุมชนจะเป็นเรื่องของ กทม. ที่ต้องเข้ามาดูแล” รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวขณะที่ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการจัดเก็บถังดับเพลิงที่เสื่อมสภาพในชุมชนจักรพรรดิพงษ์ และชุมชนวัดสระเกศ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อคลายความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการจัดเก็บถังดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร วันนี้ (29 มิ.ย. 66)

การจัดเก็บถังดับเพลิงโดยเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ที่ไปจัดเก็บจะเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบว่าถังที่มีอยู่สามารถใช้ได้หรือไม่ หากใช้ได้ก็จะตั้งไว้จุดเดิม ถึงแม้ถังดับเพลิงในชุมชนจะเป็นชนิดผงเคมีแห้ง แต่ก็มีโอกาสรั่วได้เช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกรุงเทพมหานครจะต้องปูพรมเพื่อตรวจสอบและจัดเก็บถังดับเพลิงที่ใช้ไม่ได้ออกจากพื้นที่ พร้อมกับทำหน้าที่เฝ้าระวังเพลิงด้วย สำหรับประชาชนทั่วไปหากสังเกตพบว่าถังดับเพลิงเป็นสนิมหรือบวม สามารถแจ้งมายังกรุงเทพมหานคร โดยโทร.199 แจ้งผ่านสำนักงานเขต หรือแจ้งผ่านระบบTraffy Fondue ได้


ตามหลักแล้วจะต้องมีถังดับเพลิง 5 หลังคาเรือนต่อ 1 ถัง แต่หากแต่ละหลังคาเรือนมีจำนวนคนมาก มีกิจกรรมที่ต้องเฝ้าระวังมาก หรือมีความเสี่ยงมาก ก็อาจต้องเพิ่มจำนวนถังให้เหมาะสม ซึ่งขณะนี้กรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยในกรุงเทพมหานคร (BKK Risk Map) สำรวจความเสี่ยงของชุมชน สำรวจผู้ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ อาทิ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก โดยให้ทุกเขตลงพื้นที่สำรวจความปลอดภัย จุดติดตั้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ เส้นทางเคลื่อนย้าย พร้อมจัดทำแผนเผชิญเหตุทุกชุมชนให้ตรงกับสภาพของแต่ละพื้นที่

สำหรับความแตกต่างของถังดับเพลิงแต่ละประเภท ถังดับเพลิงสีแดง จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ถังดับเพลิงบรรจุผงเคมีแห้ง และถังดับเพลิงบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยถังดับเพลิงผงเคมีแห้งจะมีแรงดันที่ 195 PSI. มีเกจวัดแรงดัน สายฉีดมีขนาดเท่ากันตลอดทั้งเส้น ส่วนถังดับเพลิง CO2 จะมีแรงดันที่ประมาณ 800 – 1,200 PSI. ไม่มีเกจวัดแรงดัน เนื่องจากเป็นถังที่มีแรงดันสูง ปลายกระบอกฉีดจะมีลักษณะเป็นกรวย ส่วนถังดับเพลิงสีเขียว ภายในจะบรรจุน้ำยาเหลวระเหยหรือสารอื่นที่อยู่ในสถานะของเหลว มีเกจวัดแรงดัน และถังดับเพลิงสเตนเลส ภายในจะบรรจุโฟมหรือน้ำ ซึ่งถังดับเพลิงประเภทนี้จะไม่มีอยู่ในชุมชน ส่วนถังดับเพลิงที่อยู่ในชุมชนปัจจุบันจะมีถังดับเพลิงผงเคมีแห้ง (สีแดง) และถังดับเพลิงน้ำยาเหลวระเหย (สีเขียว)

วิธีการตรวจสอบและดูแลถังดับเพลิงเบื้องต้นสำหรับประชาชน ได้แก่


  • 1. สลักยังอยู่
  • 2. เกจวัดแรงดันอยู่ตรงกลาง ในช่องสีเขียว ไม่ตกไปทางซ้ายหรือขวา
  • 3. รูปทรงถังอยู่ในสภาพปกติ ไม่บวม (ถังที่บวมจะบวมที่ด้านล่าง) ไม่แตกร้าว ไม่เป็นสนิม สายสมบูรณ์ ไม่เปื่อยหรือฉีกขาด
  • 4. ค่อย ๆ ยกถังคว่ำแล้วฟังเสียง ถ้าสารเคมีภายในถังยังใช้ได้ จะได้ยินเสียงคล้ายทรายไหลภายในถัง ในกรณีบางถังถูกตั้งไว้นาน จะเกิดการเกาะของสารเคมี วิธีป้องกันจึงต้องหมั่นยกคว่ำ
  • 5. ควรเก็บถังให้ห่างจากความร้อน แสงแดด น้ำ หรือความชื้น และไม่ควรตั้งวางถังบนพื้นเพราะจะทำให้เกิดสนิมได้ง่าย หากติดตั้งแบบแขวน ระยะความสูงจากพื้นถึงก้านบีบไม่ควรเกิน 1.5 เมตร

เมื่อจะใช้งานเพื่อดับเพลิง ให้ใช้มือข้างถนัดหิ้ว บิดสลักออก ยกหัวฉีดชี้ไปที่ฐานของไฟหรือต้นเพลิง (ทำมุมประมาณ 45 องศา) ผู้ฉีดควรอยู่เหนือลม ระยะห่างจากฐานของไฟควรอยู่ห่างประมาณ 2 – 4 เมตร เพราะสารเคมีอาจจะฟุ้งเข้าตาได้ บีบไกให้สารพุ่งออกมา ทั้งนี้ การใช้ถังดับเพลิงจะเป็นการระงับอัคคีภัยในเบื้องต้นก่อนนักดับเพลิงจะไปถึงที่เกิดเหตุ

ในส่วนของการลงพื้นที่เพื่อตรวจความเรียบร้อยของถังดับเพลิงในชุมชน จะปูพรมดำเนินการทั้ง 50 เขต โดยชุมชนใดที่มีการจัดเก็บถังดับเพลิงที่เสื่อมสภาพไป กรุงเทพมหานครจะนำถังใหม่ไปติดตั้งให้โดยเร็ว ส่วนถังที่ยังใช้งานได้จะมีการตรวจสภาพปีเว้นปี เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ในขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครเตรียมนำเข้าข้อมูลถังดับเพลิงในระบบ BKK Risk Map มีการแบ่งสีพื้นที่เป็น แผนที่สีแดง ส้ม เหลือง เพื่อแสดงความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้นำเข้าข้อมูลประปาหัวแดงเรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการนำเข้าข้อมูลในส่วนของถังดับเพลิงตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป

โดยจากนี้ ถังดับเพลิงทุกถังจะมีการติด QR Code เพื่อแสดงข้อมูลประเภทของถัง วันเวลาที่ตรวจบำรุงรักษาล่าสุด ตำแหน่งในการติดตั้ง นอกจากนี้จะมีการระบุคุณสมบัติการดับเพลิงของถังดับเพลิงแต่ละถังด้วย ซึ่งหากประชาชนไม่มั่นใจในการใช้งานให้แจ้งเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครเพื่อขอความช่วยเหลือ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย