fbpx

สคอ.วอนผู้ขับขี่ “ดื่มไม่ขับ” สร้างความปลอดภัยทางถนนปีใหม่ 2566

27 ธ.ค. – เครือข่ายลดอุบัติเหตุชวนรณรงค์สร้างความปลอดภัยทางถนน ปีใหม่ 2566 “ดื่มไม่ขับ” ลดความเสี่ยง ความสูญเสียช่วงเทศกาล


นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ 2566 ที่กำลังจะมาถึงคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวและประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อปริมาณรถมากขึ้นส่งผลให้การจราจรติดขัดขึ้นเพราะมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน การจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และการจัดงานรื่นเริงต่าง ๆ ทำให้ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ ทั้งนี้จากข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ภายใต้การรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” โดยทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สคอ.และภาคีเครือข่ายก็ได้ร่วมสื่อสารประชาสัมพันธ์ ร่วมเน้นย้ำเรื่อง “ดื่มไม่ขับ กรึ่มๆก็ถึงตาย” สร้างความตระหนัก ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล บอกกับสังคมรวมถึงผู้ปกครองที่ยังเข้าใจผิดอยู่ คิดว่าการดื่มเพียงเล็กน้อยไม่เป็นไร ซึ่งความจริงแล้วมีอันตรายสูง มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตได้

นายพรหมมินทร์ กล่าวว่าภาพรวมการดำเนินงานช่วงการรณรงค์ 7 วัน โดยเก็บสถิติอุบัติเหตุปีใหม่ 2565 พบว่าตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.64-4 ม.ค.65 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,707 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 333 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,672 คน สาเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 35.12 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 29.51 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 17.84 ซึ่งการดื่มแอลกฮอล์แล้วขับรถนับเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน นอกจากนี้ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.80 รถปิกอัพ/กระบะ ร้อยละ 6.20 และรถเก๋ง ร้อยละ 3.55 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ เชียงใหม่ 96 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 22 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ กาญจนบุรี จังหวัดละ 93 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในช่วง 7 วัน ของการรณรงค์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ได้แก่ ตรัง นครนายก ปัตตานี พังงา ยะลา สตูล สมุทรสงคราม สุโขทัยและแพร่


นายพรหมมินทร์ กล่าวต่อว่าเมื่อต้องเดินทางไกล รถ คน และถนนต้องพร้อม รถควรตรวจสภาพให้พร้อมใช้งาน เตรียมร่างกายให้พร้อมและพักผ่อนเพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ เพราะเสี่ยงอันตรายสูงและขณะนี้ได้มีการแก้ไขกฎหมายใหม่เพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับที่ 13 กรณีเมาแล้วขับ คือ เพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำ ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา ทำผิดครั้งแรก มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท หากทำผิดซ้ำข้อหา “เมาแล้วขับ” ภายใน 2 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000-100,000 บาท และศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ และถูกพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งก็หวังว่าปีนี้ทุกคนจะตระหนักและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนน มีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า โดยเฉพาะผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเดินทางไกลกลับบ้าน ต้องเพิ่มความระวังเรื่องวูบหลับใน เหนื่อยล้า ขับเร็ว ยิ่งเจอรถใหญ่ จะยิ่งอันตรายมากกว่าการใช้รถยนต์ ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางให้มากขึ้น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้