ดีเอสไอแถลงผลการปฏิบัติงานครบ 20 ปี

ดีเอสไอ 3 ต.ค.65 – กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดงานแถลงผลการปฏิบัติงานและนิทรรศการ ครบ 20 ปี เผยตั้งแต่ปี 47 ถึงปัจจุบัน มีคดีที่รับมาดำเนินการกว่า 3,000 คดี ดำเนินการแล้วเสร็จ 2,762 คดี มีมูลค่าความเสียหายที่ระงับไว้กว่า 5 แสนล้านบาท


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานงานแถลงผลการปฏิบัติงานและนิทรรศการ การจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ครบ 20 ปี โดยมีนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วม เพื่อนำเสนอผลงานคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จนถึงปัจจุบัน มีคดีที่รับมาดำเนินการ 3,210 คดี ดำเนินการแล้วเสร็จ 2,762 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการ 448 คดี มูลค่าความเสียหายที่ระงับได้ 567,577,189,283.40 บาท จากคดีพิเศษ 4 กลุ่ม ทั้งด้านอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ, ด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และทรัพย์สินทางปัญญา, ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม, ด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ขณะที่เฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีพิเศษมาดำเนินการ 293 คดี ดำเนินการแล้วเสร็จ 114 คดี มูลค่าความเสียหายที่ระงับได้ 21,275,930,485.52 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลงานของดีเอสไอเป็นที่ประจักษ์ เช่น คดีแชร์ลูกโซ่ FOREX 3D การตรวจยึดรถยนต์ที่ถูกขโมยมาจากอังกฤษ การลักลอบนำเข้ารถเลี่ยงภาษี การร่วมปราบปรามยาเสพติด ในปฏิบัติการพาลีปราบยา ร่วมกับ ป.ป.ส. ในการสืบทรัพย์และแกะรอยธุรกรรมทางการเงิน จนทำให้สังคมเชื่อมั่น จะเห็นจากการทำงานที่ผ่านมามีหลายคดีไม่สามารถคลี่คลายได้ ถูกส่งต่อมายังดีเอสไอ


ด้านนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า การดำเนินการในปีต่อไป ดีเอสไอให้ความสำคัญในเรื่องของการยึดทรัพย์จากทุกฐานความผิดที่เป็นบัญชีท้ายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เช่น คดีค้ายาเสพติดกำลังจะเข้ามาเป็นบัญชีท้าย ซึ่งจะมีการขยายผลยึดทรัพย์เพิ่ม คดีทรัพย์สินทางปัญญาเดิมเอาผิดเฉพาะผู้ทำความผิด หลังจากนี้จะขยายผลไปถึงการยึดทรัพย์ เนื่องจากพบว่าหลายคนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายทรัพย์สินก็มีการงอกเงย นอกจากนี้ยังมีคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ทำในลักษณะการค้า เช่น การออกเอกสารสิทธิปลอม มีการเอาไปซื้อขายเปลี่ยนมือ สุดท้ายคนซื้อถูกเพิกถอน ก็ต้องมีการตามยึดทรัพย์ รวมถึงคดีแชร์ลูกโซ่ที่มีการดำเนินการมาอยู่แล้ว จะต้องมีการขยายผลมากขึ้น หลังจากนี้งานของดีเอสไอจะเพิ่มมากขึ้นและมีความซับซ้อน โดยเฉพาะคดีฟอกเงินที่มีความยุ่งยากในการติดตามเส้นทางการเงิน

ภายในงานยังมีนิทรรศการผลงานที่สำคัญ ทั้งการดำเนินคดีแชร์ลูกโซ่ FOREX 3D, คดีการแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานออนไลน์ (scammer), คดีการทุจริตสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่, การดำเนินการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด, 8 ปีการค้นหาความยุติธรรม การหายตัวไปของ บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงยุทธภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ เช่น อากาศยานไร้คนขับ และแอปพลิเคชันระบบแผนที่ GIS. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง