พ่อตาแม่ยายโจรชิงทอง ลั่นให้ไปใช้กรรมในคุก

นครราชสีมา 15 เม.ย. – พ่อตาแม่ยายยอมรับไม่คิดว่าลูกเขยจะก่อเหตุชิงทองกลางห้างฯ เมืองโคราช หลังตำรวจจับตัวได้ รู้สึกโล่งอก อยากขอโทษสังคม และให้ลูกเขยไปชดใช้กรรมในคุก ด้านตำรวจตามขุดทองคืนมาได้ 28 เส้น


04.20 น. เป็นนาทีที่นายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือ เบส ผู้ต้องหาใช้ปืนจี้ชิงทองหนัก 153 บาท ไปจากร้านทองกลางห้างเมืองโคราช เมื่อวันที่ 12 เมษายน ถูกตำรวจสืบสวนภูธรภาค 3 ตำรวจสืบสวนภูธรโคราช และตำรวจเมืองโคราช สนธิกำลังบุกจับกุมตัวได้ที่โรงแรมกลางเมืองพัทยา ตอนนั้นนายกิตติพงษ์ยังไม่ยอมให้ปากคำอะไรมาก บอกแต่เพียงก่อเหตุเพราะตกงาน ต้องการหาเงินไปใช้จ่าย ก่อนถูกคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มที่ สภ.เมืองโคราช และพาไปชี้จุดจอดรถจักรยานยนต์ที่ห้างโลตัสสาขานครราชสีมา ท่ามกลางการคุ้มกันแน่นหนา และไม่พาผู้ต้องหาไปทำแผนบริเวณร้านทอง เพราะเกรงเกิดความชุลมุนวุ่นวาย

ส่วนทองของกลาง การขยายผลสืบสวน ตำรวจตามไปเค้นสอบภรรยาของนายกิตติพงษ์ที่บ้านพักในพื้นที่บ้านมะขามเฒ่า ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองโคราช บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของพ่อตาแม่ยายนายกิตติพงษ์ ทำให้ทราบว่านายกิตติพงษ์นำทองของกลางจำนวนหนึ่ง ไปใส่กล่องฝังดิน ซ่อนไว้บริเวณบ้านของพ่อแม่ภรรยา ส่วนทองของกลาง ตำรวจตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีฝังอยู่เพียง 28 เส้นเท่านั้น


ขณะที่นายวิรัตน์ และนางสวง ภักดี พ่อตาและแม่ยายนายกิตติพงษ์ยอมรับไม่คิดว่าลูกเขยจะลงมือก่อเหตุชิงทอง เสียใจที่คนในครอบครัวเป็นผู้กระทำ ลูกเขยอยู่กินกับลูกสาวที่บ้านหลังนี้ยังไม่ถึง 1 ปี ปกติไม่ค่อยได้คุยกัน ต่างกันต่างอยู่ แต่ก็เจอหน้ากันทุกวัน ตอนมีข่าวก็ไม่ได้ถามลูกสาวว่า ลูกเขยเป็นทหารจริงหรือไม่ แต่เห็นชอบสวมใส่ชุดคล้ายทหาร ที่ผ่านมาได้ยินลูกสาวบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว แต่ยืนยันไม่คิดว่าลูกเขยจะมาก่อเหตุแบบนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อตำรวจจับตัวลูกเขยได้แล้ว ก็รู้สึกดีใจ โล่งใจ อยากขอโทษสังคมที่ลูกเขยทำตัวเลวๆ แบบนี้ และขอให้ชดใช้กรรมในคุกในตะรางให้สาสม

และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้นำทีมแถลงรายละเอียดของคดีเพิ่มเติม ร่ายยาวตั้งแต่เริ่มต้นว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่12 เมษายน ตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับวันที่ 13 เมษายน จากนั้นการติดตามแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้พบว่านายกิตติพงษ์ ผู้ต้องหา ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางเปลี่ยว โดยมีกะบะทองวางพาดตักอยู่ในจังหวะที่หนีด้วย และล่าสุดวันนี้ การแกะรอยเป็นผลสำเร็จ เพราะสามารถติดตามจับกุมตัวนายกิตติพงษ์ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และการเค้นสอบนายกิตติพงษ์ให้การสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้ ประกอบด้วย
1.สร้อยคอทองคำ จำนวน 28 เส้น น้ำหนักรวม 84 บาท (ฝังดินไว้หลังบ้านภรรยา)
2.เงินสด 110,000 บาท (ยึดจากผู้ต้องหา)
3.รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีขาว-ดำ-ส้ม ทะเบียนนครราชสีมา (ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ)
4.อาวุธปืนปลอม (ใช้ในการก่อเหตุ)
5.เสื้อผ้า หมวกคลุมหัวสีดำ กระเป๋าสะพาย 2 ใบ ที่ใช้ในวันก่อเหตุ
6.ค้อน 1 อัน (เตรียมมาทุบกระจก)


ทั้งนี้ สร้อยคอทองคำที่ขาดหายไป นายกิตติพงษ์ ผู้ต้องหาอ้างว่านำไปขายตามที่ต่างๆ ระหว่างหลบหนี และมีบางส่วนตกหล่นระหว่างทางที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์หลบหนี ส่วนประเด็น ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าตกงาน อยากหาเงินไปทำงานที่ต่างประเทศ ประกอบกับมีปัญหาทะเลาะกับภรรยา ยืนยันว่าผู้ต้องหาตกงานจริง ส่วนที่ทะเลาะกับภรรยา เพราะเอาเงินไปเล่นพนันออนไลน์หมดไปกว่า 100,000 บาท ทำให้ภรรยาไม่พอใจจึงวางแผนยืมมอเตอร์ไซค์เพื่อนที่รู้จักไปก่อเหตุ

จากนั้น เมื่อก่อเหตุเสร็จ จึงนำมอเตอร์ไซค์มาจอดทิ้งคืนเพื่อน ก่อนนำสร้อยทองบางส่วนไปฝังดินหลังบ้านพ่อตาแม่ยาย แล้วหอบทองที่เหลือหนีขึ้นรถตู้ไปกรุงเทพฯ และต่อรถไปหาเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันที่พัทยา จากนั้นก็ไปกบดานด้วยกัน ก่อนนำทอง 11 บาท ไปขายให้แก๊งเพื่อน โดยหวังนำเงินไปใช้จ่าย แต่เพื่อนจ่ายกลับมาให้ 20,000 บาท จึงเอาทองอีก 2 บาท ให้เพื่อนไปขายอีกคราวนี้ได้เงินมา 100,000 บาท จึงวางแผนหนีไปเชียงใหม่ แต่ถูกตำรวจตามรวบตัวได้ เคสนี้ตำรวจจับได้ภายใน 62 ชั่วโมง ส่วนที่บอกว่าแกะรอยจากการโอนเงิน 300 บาท ทำให้ตำรวจตามจับได้ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ร่วมกันทำงานกับหลายฝ่าย

อีกฟากชุดสืบสวน สภ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา ได้บุกไปรวบตัวนายภูไท พันทองหลาง ผู้รับเหมา และเพื่อนร่วมงาน คือนายจักกฤษณ์ ฤทธิ์สนธิ หลังมีชาวบ้านแจ้งว่า นายจักรกฤษณ์ นำสร้อยทองมาเสนอขายให้ 2 เส้น ราคาเส้นละ 60,000 บาท ซึ่งถูกกว่าท้องตลาดที่จะต้องขายกันในราคาเส้นละ 93,000 บาท ทำให้ชาวบ้านเอะใจ เรียกตำรวจไปตรวจสอบ

ส่วนตำรวจเรียกร้านทองที่ถูกชิงไป มาดูทองว่าใช่ของร้านหรือไม่ ร้านทองยืนยันทองดังกล่าวเป็นของร้าน ทำให้นายภูไท ยอมสารภาพว่า เก็บสร้อยทองหนัก 3 บาท 2 เส้น ได้ที่บริเวณถนนเลียบนคร เมื่อช่วงบ่าย 2 วันที่ 12 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุคนร้ายบุกชิงทอง จากนั้นได้นำมาเก็บไว้ที่บ้านพัก จึงเรียกนายจักรกฤษณ์เพื่อนร่วมงานมาให้นำสร้อยทองไปขายให้ชาวบ้านตั้งราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่กลายเป็นว่าแทนที่จะได้เงินกลับถูกตำรวจจับกุมแทน

เหตุการณ์นี้ ตำรวจบอกว่าไล่ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด พอเชื่อได้ทั้งนายภูไท และนายจักรกฤษณ์ เก็บทองที่หล่นกลางทางขณะคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์หอบสร้อยทอง 1 ถาดวางไว้บนตักตกขณะหลบหนีได้ แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจน ต้องสอบถามและตรวจสอบพยานแวดล้อมให้ชัดเจนอีกครั้ง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]