29 ม.ค. – กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจงเหตุวิสามัญฯ ผู้ก่อเหตุรุนแรงดับ 2 ราย ในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ยึดหลักกฎหมาย
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค.65 เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ได้ติดตามเป้าหมายกรณีคนร้ายลอบขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ ชตค.ลูโบะบายะ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส และต่อมาสืบทราบว่าคนร้าย 2 คน เข้ามาเคลื่อนไหวหลบซ่อนอยู่ภายในห้องเช่า บ.บาโงระนะ ม.5 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จึงสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย เข้าตรวจสอบ ที่บ้านหลังดังกล่าว และกันตัวผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกมา เมื่อคนร้ายเห็นดังนั้นจึงได้เปิดฉากยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหนี เป็นเหตุให้กระสุนปืนถูกบริเวณข้อเท้าซ้ายของอาสาสมัครทหารพราน ธวัชชัย ทินกร สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงกันตัวออกมาจากที่เกิดเหตุ และนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ปัจจุบันอยู่ในอาการปลอดภัย จากนั้นได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายทั้ง 2 ออกมามอบตัว โดยเชิญผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งพ่อและแม่ของคนร้ายมาร่วมเจรจา แต่ในขณะที่พ่อและแม่ของคนร้ายกำลังเจรจาเกลี้ยกล่อมอยู่นั้น คนร้ายได้ยิงสวนออกมา เจ้าหน้าที่จึงกันตัวทั้งคู่ให้ออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
ภายหลังทราบเหตุ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ มทภ.4 /ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการกำชับให้หน่วยดำเนินการด้วยการใช้กำลังตามความจำเป็น ใช้กำลังให้น้อยที่สุด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย จากเบาไปหาหนัก และพยายามเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายยอมออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้ทางกฎหมายให้ได้ แต่สุดท้ายคนร้ายทั้ง 2 ราย กลับใช้ความรุนแรงตอบโต้และยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะ จนกระทั่งวันที่ 29 ม.ค.65 เวลาประมาณ 12.00 น. เหตุการณ์ได้ยุติลง
จากการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีคนร้ายเสียชีวิต 2 คน ประกอบด้วย นายอับดุลฮากัม อาแว และนายมะตอฮา ยูนุ ทั้งคู่มีประวัติหมายจับ ป.วิอาญา กรณีเหตุขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการ ชคต.ลุโบะบายะ อ.ยี่งอ เมื่อ 22 เม.ย.64 นอกจากนี้ยังตรวจยึดอาวุธปืน 4 กระบอก เป็น ปลย.เอ็ม 16 เอ 1 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งมีประวัติถูกปล้นมาจากกองพันพัฒนาที่ 4, ปลย. เอ็ม 16 เอ 1 ตัดสั้น 1 กระบอก, ปลย. เอเค 47 จำนวน 1 กระบอก และปืนพก 1 กระบอก รวมทั้งกระสุนและวัตถุระเบิดอีกจำนวนหนึ่ง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก และยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งเน้นย้ำการปฏิบัติกับหน่วยตลอดเวลาว่าไม่อยากให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย โดยให้ใช้การเกลี้ยกล่อมและใช้ความละมุนละม่อมให้มากที่สุด แต่กลุ่มคนร้ายก็ตัดสินใจใช้ความรุนแรงเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียดังกล่าว ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งของความรุนแรงอาจเกิดมาจากแนวคิดและความเชื่อทางศาสนาที่ถูกบิดเบือน จึงขอให้ทุกท่านได้ยึดมั่นในหลักการของศาสนาที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นความผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถโทรแจ้งเบาะแสได้ที่สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลขโทรศัพท์ 061-1732999 หรือสายด่วย 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน กรุณาอย่าให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิด ทั้งการให้ที่พักพิงเก็บซ่อนอาวุธ หรือจัดหาเสบียง เพราะจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ. – สำนักข่าวไทย