ระดมกำลังปิดคอนโดฯ ล่ามือมีดแทงสาวพิจิตรดับสยอง

สมุทรปราการ 26 ธ.ค.- จากเหตุอุกอาจ! คนร้ายบุกใช้มีดแทงหญิงสาวรายหนึ่งจนเสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมย่านบางพลี โดยตลอดทั้งวันชุดสืบสวนฯ พร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้ระดมกำลังปิดล้อมคอนโดฯ เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุ


ตำรวจฝ่ายสืบสวนฯ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษจากกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เข้าปิดล้อมโดยรอบคอนโดมิเนียมสูง 10 ชั้นแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 7 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี เพื่อปิดล้อมและค้นหาผู้ก่อเหตุใช้มีดปลายแหลมแทงหญิงสาวรายหนึ่งจนเสียชีวิต โดยตำรวจตั้งโต๊ะคัดกรองทำประวัติของผู้ที่เดินทางเข้า-ออก ขณะที่บนชั้นต่างๆ ของอาคารมีตำรวจปูพรมค้นหาห้องว่างทุกห้อง

จากการปิดล้อมตรวจค้น เจ้าหน้าที่ยังไม่พบเบาะแสของผู้ต้องสงสัยและมีรายงานเพิ่มเติมว่าผู้ต้องสงสัยอาจหลบหนีออกจากคอนโดฯไปแล้ว ซึ่งชุดสืบสวนฯ อีกหลายชุดได้ระดมกำลังค้นหาเบาะแสต่างๆ ตามบริเวณใกล้เคียง รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบเพิ่มเติม


สำหรับเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.03 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยตำรวจ สภ.บางพลี เข้าตรวจสอบสภาพศพนางสาวอินทุอร กอหาร อายุ 23 ปี  ชาวอำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร นอนเสียชีวิตที่หน้าลิฟต์ชั้น 7 จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบบาดแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้ายท่อนบน เลือดไหลนองเต็มพื้นเป็นทางยาวตั้งแต่ห้องพักของผู้เสียชีวิตไปจนถึงหน้าลิฟต์ ระยะทางเกือบ 10 เมตร และตามกำแพงทางเดินยังพบรอยเลือดอีกหลายจุด ส่วนภายในห้อง 07/11 ชั้น 7 ซึ่งเป็นห้องของผู้เสียชีวิต พบรอยเลือดเป็นจำนวนมากและพบร่องรอยการต่อสู้ ส่วนพื้นห้องพบมีดทำครัวเปื้อนเลือดตกอยู่ข้างเตียง

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าชั้น 1 พบผู้เสียชีวิตเดินออกไปซื้อของ และเดินกลับขึ้นลิฟต์ไปห้องพักไม่นานก่อนที่จะเกิดเหตุ แต่ในกล้องไม่พบใครเดินตามขึ้นมา เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุยังคงหลบซ่อนอยู่ในคอนโดฯ

หลังจากนั้นตำรวจ สภ.บางพลี กว่า 30 นาย ได้ปิดล้อมตรวจค้นภายในคอนโดฯ อย่างละเอียด แต่จากการตรวจค้นตามห้องว่างที่ไม่มีผู้พักอาศัย พบบางห้องถูกล็อกจึงไม่สามารถเข้าไปได้ ขณะที่ตามทางเดินบันไดหนีไฟพบรอยเท้าเปื้อนเลือด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรอยเท้าของผู้ก่อเหตุที่หลบหนี 


จากการสอบถามผู้ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดฯ ให้การว่าได้ยินเสียงคล้ายคนทะเลาะกัน และสักพักได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนว่า “ช่วยด้วยๆๆ” จึงได้ออกมาดู แต่ไม่พบผู้ก่อเหตุ พบเพียงแต่ผู้บาดเจ็บที่ยังมีสติ ยืนตะโกนขอความช่วยเหลือที่หน้าลิฟต์ จึงแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ หลังจากนั้นผู้บาดเจ็บได้สิ้นใจเนื่องจากเสียเลือดมาก

ด้านนายภานุพงษ์ ท้าวแก้ว อายุ 22 ปี แฟนเก่าผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางมาให้ข้อมูลกับตำรวจบอกว่า ตนกับผู้เสียชีวิตคบหากันมาประมาณ 1 เดือนเศษ ก่อนเลิกรากันไปเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ซึ่งตอนที่ตนมาพักอาศัยกับผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตเคยเล่าว่าห้องถูกงัดมาหลายครั้ง และมีครั้งหนึ่งถูกงัดจนลูกบิดพัง

โดยจากคำให้การของผู้ที่อยู่ในคอนโดฯ บอกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเพศชาย รูปร่างผอม ผิวสีแทน สวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงขาสามส่วน  และขณะกำลังวิ่งหนีมีรอยเลือดที่ลำตัวฝั่งขวา ขณะที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน พบรอยเท้าเปื้อนเลือดของผู้ต้องสงสัยที่บริเวณตามทางเดินและบันไดหนีไฟ แต่จากการตรวจสอบวงจรปิดไม่พบผู้ต้องสงสัยเดินตามผู้ตายเข้ามา และหลังเกิดเหตุก็ไม่พบผู้ต้องสงสัยเดินออกจากคอนโดฯ

นอกจากนี้มีพยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งได้พูดคุยกับผู้เสียชีวิตก่อนสิ้นใจ บอกว่ามีคนร้ายได้งัดห้องเข้าไปทำร้าย และเกิดการต่อสู้กัน สอดคล้องกับคำให้การของแฟนเก่าของผู้เสียชีวิตที่บอกว่า ผู้เสียชีวิตเคยถูกงัดห้องมาแล้วหลายครั้ง และครั้งหนึ่งถูกงัดจนลูกบิดพัง จนต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาซ่อม

ตรวจสอบไปยังเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้เสียชีวิตพบว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เจ้าตัวเพิ่งจะโพสต์ภาพเจ้าหน้าที่นิติบุคคล เข้ามาเปลี่ยนลูกบิดประตูห้องพัก พร้อมข้อความว่า “ขนาดอยู่คอนโดยังน่ากลัวเลย โดนงัดรอบที่ 2 แล้วจ้ะ  2 รอบนั้นก็โดนเคาะ รอบนี้เหล็กคาเลยจ้า”  

จนถึงขณะนี้ชุดสืบสวนฯ ได้ตั้งประเด็นการก่อเหตุไว้หลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว, คนร้ายพยายามบุกข่มขืนแต่ผู้เสียชีวิตขัดขืน จึงเกิดการต่อสู้ รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่อาจจะเกี่ยวข้อง ส่วนกรณีกระแสข่าวที่มีการพบเสื้อยืดสีน้ำเงินเปื้อนเลือดถูกทิ้งอยู่ในชักโครกในห้อง 5/7 และขวดน้ำดื่ม 2 ขวดที่คาดว่าคนร้ายใช้ล้างตัวก่อนเปลี่ยนเสื้อและหลบหนี รวมถึงการพบปลอกมีดของผู้ต้องสงสัยทิ้งไว้ในชักโครกอีก 1 อันนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อความชัดเจน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]