กต.เผยแรงงานไทยในอิสราเอล-อิหร่าน กลับไทยลอตแรกคืนนี้

กระทรวงการต่างประเทศ 23 มิ.ย.-โฆษก กต.เผยแผนช่วยแรงงานไทยในอิสราเอล-อิหร่านกลับไทย ลอตแรกคืนนี้ ชี้สถานการณ์แนวโน้มทวีความรุนแรงรวดเร็ว วอนคนไทยออกนอกพื้นที่ ด้าน กต.พร้อมประสานช่วยเหลือ 24 ชม. ยันไม่ถึงขั้นสั่งอพยพ


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเกี่ยวกับการดำเนินการให้ความช่วยเหลือคนไทยในตะวันออกกลาง ว่าตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แสดงความกังวลอย่างยิ่ง ในตะวันออกกลางและสั่งการช่วยเหลือคนไทยได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยในอิสราเอล สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รวมถึง เอกสถานทูตไทยในภูมิภาคได้ประสานงานกับบริษัทก่อสร้างที่ต้องการนำแรงงานชุดแรก 22 คนกลับประเทศไทยแล้ว โดยได้เดินทางออกจากอิสราเอลทางบกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และจะเดินทางถึงไทยในวันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา19.20น. 22คนแรก และ สถานเอกอัครราชทูตยังอยู่ระหว่างการช่วยเหลือคนไทยที่ประสงค์จะออกจากเทลอาวัฟ 12 คนเพื่อเดินทางผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านเช่นกันโดย 9 คนจะออกจากอิสราเอลทางบก ในวันที่ 25 มิถุนายนและอีก 3 คนจะเดินทางออกจากอิสราเอลในวันที่ 3 กรกฎาคม สถานเอกอัครราชทูตและฝ่ายแรงงานกำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับบริษัทจัดหางานภาคการก่อสร้างถึงความเป็นไปได้ที่จะย้ายแรงงานภาคการก่อสร้าง ในอิสราเอลยอีกประมาณ 3000 คน ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรอดูสถานการณ์หรือเดินทางกลับประเทศไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สำหรับในอิหร่าน สถานเอกอัครราชทูตณกรุงเตหะราน ได้ช่วยเหลือคนไทยชุดแรก เดินทางออกนอกประเทศ ให้เดินทางออกทางบก ไปทางประเทศเพื่อนบ้านโดยปลอดภัยแล้ว ในคืนวันที่21 มิถุนายน 2568 จะเตรียมการเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป รวมถึงอยู่ระหว่างการช่วยเหลือคนไทย อีก73 คนที่ประสงค์ออกจากอิหร่านให้ เดินทางทางทางบกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และด้วยสถานการณ์ที่มีความสุ่มเสี่ยงอย่างมากในกรุงเตหะราน สถานสถานเอกอัครราชทูตจึงได้เปิดสถานที่ทำการชั่วคราว รวมถึงศูนย์พักพิงและให้ความช่วยเหลือคนไทยที่โรงแรม


ซึ่งเป็นเมืองชายแดน ติดอยู่กับอิหร่านโดยคนไทยสามารถ ติดต่อ ขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตที่หมายเลขเดิม
นายนิกรเดช กล่าวย้ำว่า เนื่องจากสถานการณ์อิสราเอลและอิหร่านมีความไม่แน่นอนสูงและแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงขอให้คนไทยที่พำนักอยู่ใน อิสราเอล และอิหร่านพิจารณาเดินทางออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของท่านเองและสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตทั้งสองแห่งได้ตลอดเวลา ขณะนี้ความตึงเครียดมีการขยายตัวมากขึ้น จึงขอให้คนไทยในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคติดตามข่าวสารและประกาศของสถานเอกอัครราชทูตอย่างใกล้ชิด และติดตามประสารจากทางสถานเอกอัครราชทูตทั้งสองแห่งอย่างใกล้ชิดและสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Thai consula

ส่วนการที่สหรัฐเข้าร่วมสงครามในตะวันออกกำลังจะส่งผลกระทบต่อท่าทีของไทยอย่างไรนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่ ในชั้นนี้ยังไม่ส่งผลกระทบ ยังเป็นประเด็นปัญหาระวังอิสราเอลกับอิหร่านอยู่ การที่สหรัฐเข้ามาร่วมรบด้วย ก็อย่างที่ทราบว่า ไทยมีท่าทีที่เป็นกลางกับสหรัฐ หรือกับประเทศใดใด ๆ และในมุมของการช่วยเหลือคนไทยก็ไม่มีผลกระทบใด ๆ เราสามารถช่วยเหลือคนไทยออกมาได้ด้วยตัวเราเอง

สำหรับการอพยพออกดำเนินการทางบุกเท่านั้นสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะแอร์สเปซ หรือน่านฟ้าปิดทั้งอิหร่านและอิสราเอล ดังนั้นคนไทยที่ประสงค์จะออก ก็จะต้องออกทางประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน ส่วนในอนาคตเมื่อน่านฟ้าเปิด คิดว่าการจะขอเข้าไป ก็คงต้องทำเป็นกรณีกรณีไป โดย ไม่ว่าจะเป็นด้านอิสราเอลหรืออิหร่าน คงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการบินเข้า ในชั้นนี้การเข้าไปอพยพคนออกมา จึงไม่ใช่ออปชั่นและตอนนี้คนไทยยังมีความอุปสงค์ ที่จะอยู่ในอิหร่าน แต่ในส่วนของเราสนับสนุนให้ออกโดยมีการประสานทุกช่องทาง แต่คนไทยตอนนี้ยังรู้สึกไม่มีความจำเป็นจะออก ดังนั้นเราสนับสนุน และเราแนะนำให้ออก และจะช่วยให้ออก ในช่องทางที่อำนวยความสะดวก คือทางบก แต่หากมีคนไทยจำนวนมากพอที่ต้องการจะออกแล้วประสงค์ คงจะต้องหารือกันเป็นกรณีไป โดยขอไปว่าเราจะขอออกได้หรือไม่ ซึ่งจำนวนประชากรคนไทย ในเตหะรานมีประมาณ 300 กว่าคน และในชั้นนี้กำลังแพลนจะออกประมาณ73 คน ดังนั้นจะเหลือจำนวนไม่มาก และตอนนี้ยังไม่มีความประสงค์จะออก


“เรามีศูนย์ติดตามสถานการณ์ฉุกเฉินที่ดูสถานการณ์เป็นรายชั่วโมงและรายวัน ถามว่าก็มีขั้นตอนและระดับขั้นของการพิจารณาในการให้ย้ายคนออกในชั้นนี้ เราคิดว่าคนที่อยู่ในพื้นที่ควรจะออก เช่น ออกจากเมืองเตหัรานไปอยู่ในที่ปลอดภัยในศูนย์พักพิง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากให้ทำ แต่ยังไม่ถึงจุดที่เราคิดว่าจะต้องอพยพและเมื่อไหร่ถึงจุดนั้น เราก็จะทำ ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้มีการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้น สถานการณ์มีความเปราะบางสูงมาก คาดการณ์อะไรได้ยาก ดังนั้นการลำเลียงคนออกจากเมืองหลวงไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางถนน บางทีต้องใช้ถนนที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ใช่สั้นที่สุด แต่ต้องปลอดภัยจากอาวุธ เป็นเส้นทางที่ผ่านภูเขา และภูมิศาสตร์ที่ไม่ง่ายนัก ไม่กี่ร้อยกิโล แต่ใช้เวลาเป็นสิบชั่วโมง และยังมีความเสี่ยงอยู่เสมอ แต่ทางสถานทูตก็ได้คิดและเดินทางไปดูทุกเส้นทางแล้ว จะเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดแม้จะยาวหน่อยแต่ปลอดภัยกว่า

สำหรับข้อแนะนำถึงแรงงานไทยในอิสราเอลนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า ว่าเราแนะนำให้ออกจากพื้นที่ และเป็นคำแนะนำที่ซีเรียส เราเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ตรงส่วนให้ความช่วยเหลือและสถานทูตก็จะทำงาน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รับข้อความและตัดสินใจได้ พร้อมให้ความช่วยเหลือ และพร้อมจะพาไปในที่ปลอดภัยรวมถึงพากลับบ้าน ไม่มีอะไรต้องกังวลในส่วนนั้น คำแนะนำคือออก ขณะเดียวกันสถานทูตเองก็ต้องเปิดตลอดต้องทำด้วยความพร้อม ด้วยความเต็มใจ เพราะการช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยากในภาวะนั้นเป็นความสำคัญอันดับแรกของกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า พวกเราสถานเอกอัครราชทูตก็ต้อง ใช้ความรัดกุมในการทำงานหรือเดินทางให้น้อยที่สุด เพราะอยู่ในอันตรายเท่าๆ กับคนไทย ในพื้นที่ แต่ก็จะยังอยู่จนกว่าคนไทยจะปลอดภัย ส่วนของอิสราเอลที่มีคนไทยจำนวนมากได้ส่งทีมเข้าไปเสริมอีกทีมเพื่อไปช่วยสถานเอกอัครราชทูตด้วยซึ่งขณะนี้เดินทางไปแล้ว เพื่อดูว่าในกรณีที่คนไทยจำนวนมากประสงค์ที่จะออก จะมีแบ็กอัปทีมที่จะคอยดู โดยต้องอยู่ปักหลักรอเผื่อมีคนไทยมาติดต่อ อีกทีมต้องไปสำรวจเส้นทาง ยืนยันพร้อมไม่ต้องกังวล.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]