ตรัง 17 ส.ค.- หนุ่มวัย 19 ปีลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 15 ปี เพื่อมารับจ้างเลี้ยงวัวชนแทนพ่อที่ป่วยเป็นโรคลมชัก ต่อมาแม่ป่วยอัมพฤกษ์ ส่วนยายกับตา ป่วยโรคเส้นเลือดสมองตีบ ยิ่งเป็นภาระดูแลผู้พิการทั้ง 4 ชีวิต แถมน้องชายยังต้องส่งเรียนหนังสือ
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง พบนายณัฐวุฒิ พึ่งเรือง อายุ 19 ปี กำลังจูงวัวชนที่อยู่ภายในสนามกีฬาชนโค ตำบลควนธานี เพื่อมาออกกำลังกายตอนเช้า ก่อนกลับเข้าบ้านไปดูแลอีก 4 ชีวิตที่พิการ มีทั้งพ่อ แม่ ตาและยาย ซึ่งคุณพ่อคือนางชัยณรงค์ พึ่งเรือง อายุ 50 ปี ป่วยด้วยโรคลมชักมานานนับ 10 ปี ทำให้น้องวุฒิ ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่เรียนจบชั้น ม.3 เพื่อมารับจ้างเลี้ยงวัวชนแทนพ่อ แต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว แม่คือนางอารีรัตน์ พึ่งเรือง อายุ 49 ปีกลับมาล้มป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ ทำให้แขนขาอ่อนแรง ทำงานหนักไม่ได้ และเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คุณยายคือนางยินดี ชาตรีกุล อายุ 67 ปี ก็ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ห่างกันไม่กี่วันคุณตาคือ นายมงคล หอยสังข์ อดีตกำนันตำบลนาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง ก็ล้มป่วยเส้นเลือดในสมองตีบตามมาอีกคน ทำให้ในบ้านมีผู้พิการที่ต้องดูแลถึง 4 ชีวิต
นอกจากนี้ยังมีน้องชายวัย 13 ปี คือ ด.ช. สุทธิพงศ์ พึ่งเรือง กำลังเรียนชั้น ม.1 ให้ต้องส่งเสียร่ำเรียนอีกคน โดยมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าที่ไม่สามารถส่งคลิปการเรียนได้ มานั่งเรียนอยู่ที่บ้านที่สัญญาณเน็ตติดๆ ดับๆ และมีภาระบ้านเช่าในสนามชนโค ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของมูลวัวอีกเดือนละ 2,000 บาทไม่รวมค่าน้ำค่าไฟอีกกว่า 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งน้องวุฒิทำงานได้ค่าจ้างเลี้ยงวัว และรับจ้างทั่วไปเดือนละไม่เกิน 5,000 บาท โดยได้รับเงินช่วยเหลือคนพิการ 1 คน และเบี้ยผู้สูงอายุ 2 คนรวมกันแล้วได้ 2,000 กว่าบาท แต่มีค่าใช้จ่ายสูงถึงเดือนละกว่า 10,000 บาท ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด ยกเว้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างภักดีตรังที่นำถุงยังชีพมามอบให้ พร้อมกับเตียงพยาบาลและรับส่งคุณตาเข้า-ออกโรงพยาบาลตรัง
น้องวุฒิมีความฝันอยากจะมีเงินส่งเสียน้องชายให้ได้เรียนสูงๆ ส่วนตัวเองก็อยากจะเรียนให้จบ กศน.เพื่อจะได้มีความรู้ติดตัว โดยน้องวุฒิกล่าวว่าตัวเองต้องลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้น ม.3 เพื่อช่วยพ่อเลี้ยงวัว ซึ่งที่บ้านมีคนพิการถึง 4 คนคือ พ่อแม่ ตาและยาย ส่วนน้องเรียนหนังสืออีก 1 คน อนาคตฝันอยากให้น้องชายได้เรียนจบสูงๆ ส่วนตัวเองอยากเรียนต่อ กศน. แต่ตอนนี้ภาระค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ตนคนเดียว และยังไม่มีหน่วยงานไหนยื่นมือเข้ามาช่วย
ด้านนางอารีรัตน์ พึ่งเรือง อายุ 49 ปี มารดาของน้องเล่าทั้งน้ำตาว่า ตนอยากจะส่งเสียให้ลูกได้เรียนหนังสือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ตอนนี้ติดพิษโควิดทำให้ลูกก็ตกงาน ไม่มีรายได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็นำข้าวสารมามอบให้นานๆ สักครั้งตามหน้าที่ แต่ลูกก็ให้กำลังใจตนว่าอย่าเครียด ลูกจะพยายามสู้เพื่อครอบครัว
ส่วนผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ธนาคารออมสินสาขาตรัง เลขที่บัญชี 020313385385 ชื่อบัญชีนายณัฐวุฒิ พึ่งเรือง หรือติดต่อทางหมายเลขโทรศัพท์ 083-1816614 หรือที่ 099-3085772.-สำนักข่าวไทย