เตรียมตั้ง กก.สอบ ผอ.-ครู เหตุ นร.จมน้ำดับขณะเข้าค่ายลูกเสือ

กาฬสินธุ์ 18 มี.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องเหตุนักเรียน ม.3 จมน้ำเสียชีวิตขณะเข้าค่ายลูกเสือ มาสอบสวนหาสาเหตุว่าเกิดจากความประมาทหรืออุบัติเหตุ ขณะที่พ่อแม่ของเด็กยืนยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด


ความคืบหน้ากรณี “น้องปอน” อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เข้าค่ายลูกเสือแล้วจมน้ำเสียชีวิตในหนองน้ำหลังวัดบ้านนาค้อที่อยู่ติดกับโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ชุดค้นหาใต้น้ำและทีมประดาน้ำใช้เวลาค้นหากว่า 4 ชั่วโมง จึงเจอร่างของน้องปอนในสภาพใส่ชุดลูกเสือ

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) พันตำรวจเอกโสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผู้กำกับ สภ.ห้วยเม็ก พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน เรียกกลุ่มเพื่อนนักเรียน นายสมภาร อายุ 54 ปี นางบัวชื่น อายุ 48 ปี พ่อและแม่ของน้องปอน มาสอบสวน ส่วนใหญ่เพื่อนของน้องปอนบอกว่าเด็กๆ ทุกคนที่มาเข้าค่ายลูกเสือจะถูกสั่งให้เข้าฐานหนีสงคราม หลบระเบิด ด้วยการมุดหรือดำลงไปในน้ำ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือหากเกิดกรณีจมน้ำ รวมทั้งไม่มีการกั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครู ระบุยังไม่พร้อมให้ปากคำ เนื่องจากอยู่ในอาการเสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ต่อมานายสุรเชษฐ์ พละเอ็น ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหนองน้ำจุดเกิดเหตุ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

นายสุนทรา ผอ.โรงเรียนบ้านนาค้อวิทยาคม บอกว่าวันเกิดเหตุทางโรงเรียนจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ ใช้สถานที่ที่จัดเข้าค่ายลูกเสือเหมือนทุกปี โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 13-15 คน ทำกิจกรรมตามฐานต่างๆ 6 ฐาน แต่ละฐานมีครูดูแล 2 คน ซึ่งฐานที่เกิดเหตุเด็กนักเรียนจมน้ำเป็นฐานสุดท้าย ที่ทุกคนจะต้องฝึก เพราะเป็นการลงน้ำเพื่อให้นักเรียนได้ล้างเนื้อล้างตัว ยืนยันโรงเรียนมีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบนักเรียนเพื่อความปลอดภัยทุกฐาน กรณี ของน้องปอนคาดว่าไม่มีใครทันสังเกตเห็น เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้มาร่วมกิจกรรมในช่วงเช้า แต่มาเข้าร่วมในช่วงบ่าย เมื่อครูเช็กจำนวนนักเรียนหลังขึ้นมาจากหนองน้ำพบว่าครบ จึงไม่ได้เอะใจ โรงเรียนและคณะครูก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ยืนยันว่าฐานค่ายลูกเสือที่ลงไปในน้ำไม่ได้บังคับให้ลงไปทุกคน

สำหรับศพของน้องปอน ทางญาติตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านใน ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติ ญาติๆ ทุกคนต่างติดใจการเสียชีวิตครั้งนี้ นางบัวชื่น แม่ของน้องปอน เล่าว่าวันเกิดเหตุทราบว่าทางโรงเรียนจัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ แต่ไม่ได้แจ้งว่าจะให้เด็กลงไปมุดน้ำ กระทั่งช่วงเย็นไม่เห็นลูกกลับบ้าน ด้วยความเป็นห่วงจึงไปตามหา และสอบถามผู้อำนวยการและครูหลายครั้ง ทุกคนบอกว่าไม่เห็นและแสดงท่าทีไม่ค่อยสนใจเท่าไร ผู้ใหญ่บ้านจึงประกาศช่วยกันตามหาแต่ไม่พบ จึงเข้าแจ้งความและสอบถามเพื่อนของลูกชายหลายคนเห็นครั้งสุดท้ายตอนที่ลงไปในสระน้ำร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือ เบื้องต้นคาดว่าลูกชายน่าจะจมน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ กระทั่งพบว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิตจริงๆ ซึ่งลูกชายว่ายน้ำไม่เป็น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกชายของตนด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้