กระบี่ 15 ก.พ. – นักอนุรักษ์เชื่อหินประหลาดที่ชาวบ้านแห่กันไปขุดในสวนยาง อ.คลองท่อม จ.กระบี่ น่าจะเป็นยางไม้ รอเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีมาตรวจพิสูจน์ให้แน่ชัดอีกครั้ง
จากกรณีชาวบ้านแห่กันไปขุดหาหินประหลาดในสวนยาง พื้นที่บ้านทับไทร หมู่ 10 ต.พรุดินนา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ของนายประเสริฐ จันทร์ส่องแสง อายุ 54 ปี สมาชิก อบต.พรุดินนา หลังผู้รับเหมานำเครื่องจักรมาปรับหน้าดิน เพื่อจะสร้างถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน แต่ไปขุดเจอกับหินปริศนาดังกล่าวจำนวนมาก มีลักษณะแข็ง ผิวมันวาว น้ำหนักเบา แต่เปราะง่าย มีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันไป เบื้องต้นชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหล ใช้ทำเครื่องรางของขลัง บางคนบอกว่าเป็นสะเก็ดอุกกาบาต ขณะที่นักอนุรักษ์เรียกร้องให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ หากปล่อยไว้จะเกิดความเสียหายได้
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบจุดที่พบหินประหลาดดังกล่าว ยังคงมีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางเข้าไปขุดหาหินดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านในพื้นที่ ต.พรุดินนา และใกล้เคียง ยังเชื่อว่าเป็นเหล็กไหล หินศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อของชาวบ้าน
ด้านนายปรีชา ทองนวล ผอ.ส่วนทรัพยากรน้ำ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เท่าที่ดูตัวอย่างหินชนิดนี้ เบื้องต้นตนเองก็ยังไม่เคยเห็น สภาพที่เห็นมีลักษณะคล้ายกับพลาสติกที่ถูกหลอมเหลว แต่ไม่ใช่พลาสติก เพราะเนื้อมีลักษณะแข็ง ลองทดสอบเผาด้วยไฟก็ไม่หลอมเหลว และมีน้ำหนักเบา หลังจากนี้จะประสานกับเจ้าของพื้นที่ เพื่อเข้าไปตรวจสอบจุดที่ขุดพบอีกครั้ง เพื่อทำข้อมูลและเก็บตัวอย่างส่งให้กับสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลเรื่องซากดึกดำบรรพ์ หิน แร่ ตรวจพิสูจน์ว่าเป็นหินอะไร และมีอายุเท่าไร
ขณะที่นายนิวัฒน์ วัฒนยมนาพร กรรมการที่ปรึกษาหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่น จ.กระบี่ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่และได้สัมผัสกับวัตถุดังกล่าว ความเห็นส่วนตัวคาดว่า น่าจะเป็นยางไม้ที่ทับถมกับดินหินเป็นเวลานานหลายปี เมื่อโดนความร้อนสูงจากการเผาด้านบน จึงกลายสภาพเป็นลักษณะคล้ายอำพันแห้ง ลักษณะแข็งแวววาว เผาไฟไม่ไหม้ แต่เปราะแบบแก้ว เมื่อใช้จอบเสียมขุดไปโดนวัตถุก็จะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยางพาราที่แห้งทิ้งไว้นานๆ ก็จะมีสีคล้ายกัน แต่ยางพาราจะนิ่มกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณีมาตรวจพิสูจน์ เพื่อความแน่ชัดต่อไป. – สำนักข่าวไทย