สุราษฎร์ธานี 29 ม.ค.-ผู้การฯ สุราษฎร์ฯ สั่งค้านประกันตัวหนุ่มหื่นบุกปล้ำลูกจ้างร้านสะดวกซื้อ เหตุเป็นบุคคลอันตราย ก่อคดีซ้ำซาก เตรียมฝากขังผัดแรกพรุ่งนี้
ความคืบหน้ากรณีคนร้ายเป็นผู้ชายอายุ 25-30 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ทำอนาจารจับก้น น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ที่ขี่รถจักรยานยนต์จอดติดไฟแดงอยู่ที่บริเวณแยกตัดใหม่ใกล้สนามบินสุราษฎร์ธานี ขับหนีไป 50 เมตร ได้ไปก่อเหตุต่อในร้านสะดวกซื้อ “มินิช็อป” ริมถนนแยกนายพัน หมู่ที่ 5 ต.มะลวน อ.พุนพิน โดยทำอนาจารล้วงจับอวัยวะเพศตัวเอง เพื่อสำเร็จความใคร่พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอชักว่าวได้ไหม” ต่อหน้า น.ส.นิ่ม (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ลูกจ้างในร้าน จากนั้นได้เข้าปลุกปล้ำจะขืนใจ แต่นายบิว แฟนหนุ่มของ น.ส.นิ่ม เข้าพบช่วยเหลือทัน ส่วนคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้ เมื่อเวลา 17.40 น. ของวันที่ 27 ม.ค.64 ที่ผ่านมา
กระทั่งตำรวจ นำหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 18/2564 ลงวันที่ 29 ม.ค.64 พร้อมกำลังเจ้าหน้าชุดสืบสวนเข้าจับกุม นายอนุพงษ์ จันทร์ประสิทธิ์ หรือ ปืน อายุ 26 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุ หลังสืบทราบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีมาซ่อนตัวในขนำที่พักในสวนยางพาราของชาวบ้านบนภูเขา พื้นที่หมู่ 6 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี ในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ จากนั้นควบคุมตัวพาไปค้นหาหลักฐานอื่นๆ เสื้อผ้าชุดที่สวมใส่วันก่อเหตุที่บ้านพักพื้นที่บ้านวังลาน หมู่ 14 ต.ตะกุกเหนือ เบื้องต้น นายอนุพงษ์ รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุอนาจารพนักงานขายของร้านมินิช็อปจริง แต่ไม่ได้ก่อเหตุอนาจารหญิงสาวบนถนนเอเชีย 41 โดยหลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมายังที่พักในสวนยางพารา และทราบข่าวตกเป็นผู้ต้องสงสัย จึงหลบหนีขึ้นไปอยู่บนภูเขาในสวนยางของชาวบ้าน จนถูกตามจับได้
พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางไปยัง สภ.พุนพิน สอบถามผู้ต้องหาในห้องขัง 10 นาที และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าดูจากพฤติกรรมของผู้ต้องหาน่าจะมีสาเหตุมาจากยาเสพติด ที่ทำอะไรโดยขาดความยั้งคิดและไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งที่อยู่ในย่านชุมชน และจากการตรวจสอบประวัติเคยก่อคดียาเสพติดและอนาจารในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาก่อน พร้อมสั่งพนักงานสอบสวนให้คัดค้านการประตัวผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยพนักงานสอบสวนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังผัดแรกวันพรุ่งนี้ ด้วยเหตุผลผู้ต้องหาเป็นบุคคลอันตราย และก่อคดีซ้ำซากและหวั่นอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานอื่นๆ.-สำนักข่าวไทย