สุรินทร์ 4 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 12 ของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุการณ์ในพื้นที่สุรินทร์เช้านี้ ยังปกติ ขณะที่ชาวบ้านพบวัตถุคล้ายโดรนจำนวนมาก
เข้าสู่วันที่ 12 ของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เช้านี้ ยังปกติ ประชาชนในจังหวัดให้ร่วมมือตามประกาศของจังหวัด ที่ห้ามอพยพเข้าพื้นที่ชายแดนและติดตามข่าวจากทางราชการ ขณะที่เจ้าหน้าที่โอดีของจังหวัดสุรินทร์ร่วมกับทางเจ้าที่ทหารเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน
ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่ห้ามบินโดรน และยกระดับเข้าสู่วันที่ 4 ในคืนที่ผ่านมา ยังพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน ขึ้นบินในสถานที่สำคัญ เป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลจากหน่วยงานของทางจังหวัดในพื้นที่ให้ข้อมูลว่ามีประชาชนแจ้งไปยังสายด่วน 1374 เป็นจำนวนมาก ว่าพบวัตถุต้องสงสัยบินเหนือน่านฟ้าของจังหวัด จึงแจ้งพิกัดกับส่วนเกี่ยวข้อง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพิสูจน์ทราบ

จากนั้นในโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลว่าพบโดรนตกในพื้นที่รอบเมือง เบื้องต้นจากการสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าเป็นโดรนตรวจการของฝั่งไทย เป็นการทดสอบระบบตรวจจับ และประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนในพื้นที่หากพบสามารถแจ้งสายด่วน ได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่หมายเลข 1374
ล่าสุดเช้านี้ ทีมข่าวลงพื้นที่ในจุดปะทะ หลังมีกระแสข่าวลือการอพยพของจังหวัด พบว่าเหตุการณ์ยังปกติ ทั้งตัวเมือง และในเขตปะทะ ส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ประชาชนได้อพยพออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ผู้นำชุมชน และชุด ชรบ. เท่านั้น ส่วนการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังคงเข้มงวดเช่นเดิม และปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
โดยเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบพื้นที่ให้ปลอดภัยจากวัตถุระเบิด เป็นเจ้าหน้าที่จากตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธร และ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC ประชุมจากนั้นลงพื้นที่ ตามพิกัดในการการการการรับแจ้ง เพื่อทำให้พื้นที่ปลอดภัยตามขั้นตอน โดยในพื้นที่ดังกล่าว พบระเบิด 141 ลูก
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเพียงๆ สั้นว่า หากไม่ทำให้พื้นที่ปลอดภัย ชาวบ้านที่ทำการเกษตร อาจได้รับอันตรายในการประกอบอาชีพ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางการเกษตร โดยภารกิจวันนี้ เข้าตรวจพื้นที่ที่ได้รับแจ้งเพิ่มเติม ที่อาจจะส่งผลต่อชีวิตประจำวันของชาวบ้าน และอุปสรรคการทำงานคือสภาพผิวดินที่เป็นโคลน ทำให้จรวดหลายลูกฝั่งลึกยากต่อการเก็บกู้.-สำนักข่าวไทย