นนทบุรี 29 พ.ค. – ตำรวจตามจับอดีตโชเฟอร์แท็กซี่ก่อเหตุลักทรัพย์ในร้านเดิมมากถึง 16 ครั้ง แต่หลังจับกุมผู้ต้องหาเล่าเรื่องสุดรันทด ทำเพราะต้องดูแลเมียป่วยติดเตียง หากต้องติดคุก ไม่รู้เมียจะอยู่อย่างไร
นายทองสุก อดีตโชเฟอร์แท็กซี่ ได้พาตำรวจ สภ.บางศรีเมือง และ พม. เข้ามาดูสภาพบ้าน พร้อมกับขอลาภรรยาที่ป่วยติดเตียงเป็นครั้งสุดท้าย ภายหลัง เจ้าตัวถูกตำรวจจับกุมตามหมายศาลในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เพราะไปขโมยหยิบสินค้าในร้านสะดวกซื้อแถวบ้านมา 53 รายการ รวม 16 ครั้ง ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ถึง 11 พฤษภาคม ซึ่งหากคิดเป็นเงินก็มากกว่า 4,500 บาท
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่นายทองสุก ลักขโมยไปส่วนใหญ่เป็นพวกแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ของกินของใช้ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ น้ำยาปรับผ้านุ่ม และขโมยต่อวันจะไม่เกินครั้งละ 500 บาท ทำให้ตำรวจรู้สึกแปลกใจ เมื่อสอบถามนายทองสุก ที่รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก็ให้การว่า ที่ต้องไปขโมยของพวกนี้ เหตุเพราะตัวเองป่วยติดเชื้อ ตกงาน ไม่มีเงินซื้อข้าว ซื้อยา รวมถึงผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ให้กับภรรยาที่ป่วยติดเตียง และมีโรคประจำตัว ทั้งเบาหวาน ความดัน และโรคไต โดยตัวเองดูแลภรรยาคนเดียวมา 7 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ขับแท็กซี่ แต่เงินไม่พอใช้ เพราะพอได้เงินมาก็เอาไปจ่ายค่าเช่ารถ และบางวันไม่มีผู้โดยสาร รวมถึงต้องคอยพาภรรยาไปหาหมอ และไปรักษาโรคปอดติดเชื้อของตัวเอง ทำให้ตัดสินใจเลิกขับ และคืนแท็กซี่ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน
นายทองสุก กล่าวว่าตนเองดูแลภรรยาทั้งป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำ ฉีดยา ให้กินยา พาไปหาหมอ เจาะเลือดวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น ย้ำว่าที่ผ่านมา ไม่เคยขโมยสร้อยแหวนเงินทอง เพราะสิ่งที่จำเป็น คือของกินของใช้ที่ต้องหาให้ภรรยา เนื่องจากตัวเองไม่มีเงินจริงๆ และด้วยความที่อยู่กับภรรยาแค่ 2 คน ถึงมีลูกก็ไม่ได้คุยกัน ทำให้ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพา หรือปรึกษาใคร ยิ่งวันนี้มาถูกจับคงได้แต่บอกกับเมียว่า “ให้อดทนไว้”
ด้านภรรยาถึงกับสะอื้น บอกสามี หากเป็นไปได้จะหาเงินไปประกันตัว เพราะทุกวันนี้มีแต่ผัวที่ดูแลหาข้าวหาปลา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือผ้าอ้อมให้ และหากไม่มีใครมาดูแลจริงๆ คงต้องขอเบอร์วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ช่วยสั่งอาหารให้ รอวันที่สามีออกจากคุก พอได้ฟังแบบนี้ จึงเป็นที่มาที่ตำรวจให้ผู้ต้องหาพาไปดูที่บ้าน และช่วยประสาน พม. ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดนนทบุรี มาพูดคุยกับผู้ต้องหา และภรรยา
ภายหลังเข้ามาดูที่บ้าน และพูดคุยแล้ว เจ้าหน้าที่ พม. บอกว่าภรรยาของผู้ต้องหายืนยันอยากอยู่บ้านตัวเอง ไม่สะดวกไปอยู่สถานสงเคราะห์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องร่วมกันวางแผนดูแลในระยะยาว แต่เบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือไป 3,000 บาท เพราะตัวสามีที่ตกเป็นผู้ต้องหา เท่าที่ทราบจากตำรวจคือ ข้อหาลักทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท แต่ผู้ต้องหาลักทรัพย์ไปมากถึง 16 ครั้ง ประกอบกับถูกพ่วงข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งอาจต้องเพิ่มโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท เข้าไปอีก และกรณีนี้เรียกว่าเป็นการทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ก่อเหตุ 1 ครั้งถูกดำเนินคดี 1 กระทง ทำให้โทษอาจเพิ่มเป็นทวีคูณ.-สำนักข่าวไทย