รมว.อุตฯ ลงพื้นที่ด่วน ตรวจสอบโรงหลอมพบกากแคดเมียม

สมุทรสาคร 5 เม.ย. – รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ด่วน ตรวจสอบโรงหลอมที่พบกากแคดเมียมและกากสังกะสีกว่า 15,000 ตัน ที่ จ.สมุทรสาคร ด้านผู้ว่าฯ ยืนยันยังไม่พบสารอันตรายรั่วไหลจากโรงงาน


นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ปภ.จังหวัด สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่โรงหลอม ภายในหมู่ 2 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ที่พบมีการซุกกากแคดเมียมและกากสังกะสีกว่า 1.5 ตัน บรรจุในถุงบิ๊กแบ็กมากกว่า 1,000 ถุง อุตสาหรรมจังหวัดได้ตรวจสอบ พบว่าได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงาน 3 ใบอนุญาต โดยเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ที่เดียวกัน 2 ใบอนุญาต และเป็นโรงงานตั้งอยู่ใกล้เคียง อีก 1 ใบอนุญาต โดยทั้งหมดประกอบกิจการหล่อและหลอมอะลูมิเนียมประเภทต่าง ๆ

ตัวแทนโรงงาน ระบุว่า กากแคดเมียมทั้งหมดดังกล่าวเริ่มมีการขนย้ายเข้ามาเก็บกองไว้ที่โรงงานตั้งแต่สิงหาคม 2566 โดยใช้เวลากว่า 3 เดือน ซึ่งหลังจากที่หน่วยงานราชการเข้าตรวจสอบแล้วสั่งให้ขนย้ายกากแคดเมียมทั้งหมดเข้าไปภายในตัวอาคารก่อน แต่เรื่องของการขนย้ายกลับไปยังจังหวัดตากจะเร่งดำเนินการภายใน 7 วัน


ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยืนยันอีกครั้งว่า ความจำเป็นในขณะนี้ไม่ได้ถึงขั้นต้องประกาศเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติ จึงออกประกาศเพียงการห้ามเข้าพื้นที่ 90 วัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องอย่างละเอียด

ขณะที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) กรมควบคุมมลพิษ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบวัดปริมาณสารพิษทั้งในโรงงานและโดยรอบโรงงาน พบว่าปริมาณสารแคดเมียมในพื้นที่โรงงานปกติประมาณ 19% ส่วนนอกโรงงานไม่พบสารปนเปื้อน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจจะได้รับความปลอดภัยซึ่งจะมีการตรวจสอบค่าสารพิษทุกวัน

ส่วนชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ คนหนึ่งบอกว่า อยู่มานานหลายสิบปี เมื่อก่อนไม่มีโรงหลอมในซอยมากขนาดนี้ เคยร้องเรียนเรื่องกลิ่นเหม็น ฝุ่นตอนกลางคืนแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในอดีตน้ำในคลองเคยใส สะอาด แต่เดี๋ยวนี้สภาพดำเน่าเหม็นอย่างที่เห็น


โดยจากการตรวจสอบของกระทรวงอุตสาหกรรม ยังเปิดเผยล่าสุด กรณีที่มีบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก ขายกากแร่สังกะสีและกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบในพื้นที่จังหวัดตาก ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาครนั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2566 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมและจังหวัดสมุทรสาคร ได้สั่งอายัด กากแคดเมียมและกากสังกะสีดังกล่าว พร้อมทั้งสั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมและกากสังกะสีเข้าสู่กระบวนการผลิต ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานเก็บและดำเนินคดีทะเบียนโรงงานตามกฎหมาย

จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทที่ จ.ตาก ได้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรมแร่สังกะสี และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานถลุงแร่สังกะสีและแคดเมียม ผลิตโลหะสังกะสีแท่ง สังกะสีอัลลอย โลหะแคดเมียม และผลิตโลหะทองแดง ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองตาก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบโลหะกรรม โดยได้ฝังกลบ กากแร่ ซึ่งอยู่ในรูปของโลหะผสมกับปูนซิเมนต์และยึดเกาะกันเป็นเนื้อแน่นไว้ในบ่อเก็บกากแร่ เป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 บริษัทได้ทำการขนย้ายกากแคดเมียม กากสังกะสี ออกจากโรงงานเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ โดยโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งประกอบกิจการหลอมหล่ออลูมิเนียมแท่ง อลูมิเนียมเม็ด จากเศษอลูมิเนียมและตะกรันอลูมิเนียม และได้เริ่มทำการขนย้ายกากที่บรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 ถึงปัจจุบัน รวมประมาณ 13,450 ตัน

โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ได้ตรวจสอบ พบว่า มีการดำเนินการที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรงงาน จึงได้อายัดกากแคดเมียม กากสังกะสี และส่วนของอื่น ๆ ไว้เพื่อตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ส่วนบริษัทในพื้นที่อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร่วมกับ เพื่อเก็บตัวอย่างกากแคดเมียม กากสังกะสี ตรวจวิเคราะห์ และสั่งการให้บริษัทฯ หยุดประกอบกิจการในส่วนของนำกากแคดเมียม กากสังกะสี ออกนอกบริเวณโรงงาน และให้นำกลับมาดำเนินการให้เป็นตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดไว้ในเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานโดยเร่งด่วนต่อไป

ข้อมูลโรงงานดังกล่าว สอบถามจากคนในพื้นที่บอกว่า เห็นโรงหลอมนี้สร้างมานานมากกว่า 10 ปีแล้ว และในซอยนี้พบว่าช่วงกลางคืน มักจะมีควันสีขาวออกมาจำนวนมาก และมีกลิ่นเหม็นคล้ายสารเคมี มีข้อมูลว่า ภายในซอยกองพนันพล หมู่ 2 มีโรงหลอมตั้งอยู่หนาแน่นหลายสิบแห่ง ซึ่งชาวบ้านโดยรอบมักจะได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ด้านสวัสดิการจังหวัดสมุทรสาคร สรุปจำนวนแรงงานในโรงงานที่เก็บกากแร่แคดเมียมแห่งนี้ มีแรงงานจำนวน 19 คน เป็นแรงงานเมียนมา 4 คน ชาย 3 คน หญิง 1 คน สาธารณสุขจังหวัด พาไปตรวจร่างกายหาสารในร่างกายแล้ว รอผลตรวจประมาณ 1 สัปดาห์จะรู้ผล เบื้องต้นไม่พบแรงงานมีอาการเจ็บป่วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”