ปลัด มท. ตรวจเยี่ยมแปลงโคก หนอง นา จ.อุดรฯ

อุดรธานี 16 มี.ค. – ปลัด มท. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงโคก หนอง นา นางสุมาลี คุลิหา บ้านหมากตูม อ.เมืองอุดรธานี เน้นย้ำ ขยายผลสิ่งที่ดีให้เกิดการรวมกลุ่มอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน


วันนี้ (16 มี.ค. 67) เวลา 12.40 น. ที่แปลงโคก หนอง นา นางสุมาลี คุลิหา เลขที่ 215 บ้านหมากตูม ตำบลนาข่า อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี นายกองเอก สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตรวจติดตามการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นายสุรศักดิ์  อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายกฤต อรรคศรีวร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุดรธานี นายไพโรจน์ โสภาพร ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายภควัตร คำพวง พัฒนาการจังหวัดอุดรธานี นายสาจิต จันทรศิริ ท้องถิ่นจังหวัดอุดรธานี โอกาสนี้ นายวิมล สุระเสน นายอำเภอเมืองอุดรธานี พร้อมด้วยข้าราชการในพื้นที่ นายเสถียร รอดบุญมา กำนันตำบลนาข่า นายจิรวัฒน์ โพธิ์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมากตูม หมู่ที่ 16 และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี นายวิโรจน์ ศรีพันธุ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาข่า นางสุมาลี คุลิหา เจ้าของแปลกโคก หนอง นา พร้อมภาคีเครือข่ายโคก หนอง นาในพื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี รวมกว่า 100 คน ร่วมให้การต้อนรับ

นายกองเอก สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วันนี้มาเป็นกำลังใจ และมาเยี่ยมเพื่อที่ให้เรื่องที่มาเยี่ยมได้กระจายไปทั่วประเทศว่า พี่สุมาลี คุลิหา และสามี ผู้เป็นแบบอย่าง “คนมีความสุข” จากการทำโคก หนอง นา กระทั่งหมดหนี้หมดสิน เป็นต้นแบบการยึดเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงตรัสไว้ว่า ต้องมีบันได 9 ขั้น พอกิน พออยู่ พอใช้ พอร่มเย็น แล้วตามด้วยทำบุญ ทำทาน รู้จักแปรรูป ถนอมอาหาร เพื่อเก็บไว้กินไว้ใช้ได้นาน ๆ หลังจากนั้นก็นำไปขาย และประการสุดท้าย คือ การรวมกลุ่มภาคีเครือข่าย บางคนมี 1 ไร่ 2 ไร่ 3 ไร่ 6 ไร่ เพื่อให้เกิดพลังการพัฒนาต่อยอด เช่น ถ้าเรามี 100 บ้าน ฟักทองบ้านละ 20 ลูก เก็บไว้กิน 10 ลูก พอรวมกันเราก็จะมี 1,000 ลูก เอาไปแปรรูป ไปขายผลสด ก็สามารถทำการตลาดขายส่งได้ และสามารถต่อรองราคาขายได้ ที่สำคัญเป็นอาหารที่มีความปลอดภัยจากสารเคมี อันจะทำให้ชุมชนสังคมเรามีความสุขมีความเจริญ


“ทั้งหลายทั้งปวงนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอรรถาธิบายว่า เป็น “อารยเกษตร” อารยะ แปลว่า เจริญ เกษตร แปลว่า แผ่นดิน แผ่นดินเป็นที่มาของอาหารของทุกอย่าง ดังนั้น แผ่นดินที่เจริญรุ่งเรืองก็จะมีความสวยงาม มีคลองไส้ไก่ที่คดเคี้ยวเลี้ยวลด มีที่ดินสูงกลางต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เป็นเนิน เป็นโคก เป็นที่ราบ ที่ลุ่ม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเราด้วยการปรับปรุงพื้นที่ ปรับปรุงดิน ให้พื้นที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานที่อยากเห็น “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข” โดยวิธีการที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุขได้ คือ ต้องแก้ไขในสิ่งผิด ดังพระบรมราชโองการองค์ที่ 2 ที่พระราชทานแก่ข้าราชบริพารว่า “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ด้วยการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ดังพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ซึ่งคำว่า “ต่อยอด” คือการทำให้เหมาะสมต่อจริตหรือความชอบหรือภูมิสังคมของเราได้ แต่ขั้นต้นพื้นฐานต้องเป็นแบบพี่สุมาลี คือ ชีวิตแต่เดิมทำอะไรมาก็มีแต่หนี้สิน จนกระทั่งมาทำโคก หนอง นา จนชีวิตหมดหนี้สิน กระทั้งมีความสุข ซึ่งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลักการที่สำคัญ คือ การพึ่งพาตนเอง ปลูกพืช 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ “พอกิน” มีพืชผักผลไม้ กล้วย ข้าว มัน อ้อย และสัตว์เลี้ยงเป็นองค์ประกอบ เพราะอาหารมาจากพืชเป็นหลัก “พอใช้” มีพืชจำพวกนำมาทำเครื่องใช้ไม้สอย ให้มีเก้าอี้ มีฟืนไม้ มีถ่าน สานตะกร้า สานกระบุง สานเสื่อสาด “พออยู่” คือ ไม้ใช้ทำที่อยู่อาศัย จำพวกไม้ไผ่ ไม้สัก และประโยชน์อย่างที่ 4 “พอร่มเย็น” ทำให้เราร่มเย็น ลดโลกร้อน ฝนฟ้าอากาศฝนตกต้องตามฤดูกาล ซึ่ง 4 อย่างนี้จะทำให้ตนเองและครอบครัวมีความสุข แต่ถ้าเรา “ทำบุญทำทาน” ผลก็จะทำให้สังคมมีคุณธรรมจริยธรรม มีจิตใจที่ดีงาม เกรงกลัวต่อการทำบาป ทั้งการ “ทำบุญ” กับพระ ทำบุญกับนักบวช ทำบุญกับศาสนาตามความเชื่อที่เรานับถือก็จะทำให้มีคนคอยดูแลกันและกันคอยอบรมสั่งสอน รักษาประเพณีวัฒนธรรมไว้ในสังคม ทำให้สังคมมีความสุข “ทำทาน” แบ่งปันให้เพื่อนบ้าน ให้คนยากไร้ ให้คนเดือดร้อน บนพื้นฐานพอประมาณ คือ ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อน มันก็จะเกิดความสุขที่เหนือกว่าความสุขในครอบครัว ก็คือการทำให้สังคมมีความสุข เพราะเกิด “เมตตาธรรมค้ำจุนโลก” ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ด้วยความเสียสละ นอกจากนี้ ที่เหลือกินเหลือใช้ก็ต้องรู้จักถนอมอาหาร เพราะผลผลิตที่ออกมา กว่าจะออกมาใช้ระยะเวลานาน หรือบางทีก็สุกไปก่อน ยังกินไม่หมด เช่น กล้วย ในระยะสั้นทำกล้วยบวชชี ทำกล้วยเชื่อม ระยะยาวทำกล้วยตาก หรือทำกล้วยผงใช้แทนข้าวแทนยาลดกรดไหลย้อน ด้วยการเอามาตากให้แห้งแล้วป่นให้เป็นผง และที่เหลือก็ใช้หารายได้ ซึ่งพี่สุมาลี คุลิหาได้นำผลผลิตจากโคก หนอง นา ไปจำหน่ายจนมีรายรับเป็นรายได้รายวัน รายเดือน รายปี แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มพูน เรื่องใหญ่คือจะต้องทำยังไงให้เกิดการรวมกลุ่มกัน เช่นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีการรวมกลุ่ม ภาคีเครือข่ายโคก หนอง นา โดยตกลงกันว่าจะปลูกพืชผักสวนครัวอย่างน้อย 2 อย่างที่เป็นชนิดเดียวกันที่ตรงกับตลาดต้องการ โดยได้ติดต่อเลมอนฟาร์ม ซึ่งมุ่งเน้นการปลูกผักปลอดสารพิษ แล้วรวมกลุ่มกันไปขาย จนกลายเป็นว่าทุกวันนี้ ปลูกพืชที่ตกลงกันในกลุ่มทุกบ้าน แล้วเก็บผลผลิต เอาไปส่ง กลายเป็นหมู่บ้านนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) จากเลมอนฟาร์มกว่า 12% ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์คือ 1) ชาวบ้านไม่ต้องหาตลาด 2) ชาวบ้านได้การประกันราคาที่เป็นธรรม และผู้ประกอบการขนาดใหญ่คือ Modern Trade ก็ไม่ต้องหาผลผลิต เพราะหมู่บ้านนี้ไปส่งให้เรียบร้อย จนปัจจุบันกลุ่มนี้สามารถซื้อรถห้องเย็นขนผักไปส่งในกรุงเทพฯ ได้เอง” นายกองเอก สุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายกองเอก สุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรให้เกิดการรวมกลุ่มให้มีพลัง เกิดพลังต่อรองด้านการตลาด พลังในการสร้างฐานะให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ” ทำพื้นฐานให้พอเพียง ซึ่งทุกขั้นตอนนี้สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกัน ต้องไปช่วยกันชักชวน ไปช่วยกันบอกให้พี่น้องในหมู่บ้านช่วยกัน รวมกลุ่มด้วยคนตัวเล็ก ๆ จะทำให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ โดยขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีและนายอำเภอเมืองอุดรธานี ส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่ม ตั้งแต่ 10 บ้าน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งร่วมกับศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุดรธานี ชวนชาวบ้านที่ไม่มีที่มีทางไปร่วมกันปลูกกล้วย ปลูกไม้ให้ผลผลิตในช่วงฤดูฝน ทั้งพืชสมุนไพร พืชอายุสั้น หรือใครจะเลี้ยงกบ เลี้ยงปลา ในพื้นที่โคก หนอง นา ของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุดรธานี และให้ชาวบ้านเก็บผลผลิตเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งจะทำให้พื้นที่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนได้ช่วยเหลือประชาชน และเป็นพื้นที่แหล่งเรียนรู้ในการศึกษาดูงานของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงภาคีเครือข่ายโคก หนอง นา ด้วย

นายกองเอก สุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า นอกจากนี้ ประการที่ 1 ถ้าเรามีกำลัง ต้องทำหลุมขนมครก หรือ หนองน้ำเพิ่ม เพื่อให้มีพื้นที่กักเก็บน้ำ ประการที่ 2 สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสอนไว้ว่า ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างมาจากไม้ 5 ระดับ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เลื้อยเรี่ยดิน และไม้หัวใต้ดิน ควรปลูกให้ครบสร้างป่าที่สมบูรณ์รวมถึงไม้มรดก พวกต้นยางนา ต้นตาล เพราะยังมีน้อย และประการสุดท้าย ให้มีไก่พื้นเมือง ไก่ไข่ ซึ่งในปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนทุกคน และพี่น้องประชาชน ได้รับประทานไข่ไก่หรือไข่เป็ดอย่างน้อยวันละ 2 ฟอง เพื่อความสมบูรณ์ทางโภชนาการ และเกิดความมั่นคงทางอาหาร ควบคู่การปลูกพืชผักสวนครัว ตามแนวพระราชดำริด้านการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และตลอดจนถึงธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อให้พื้นที่เกิดความชุ่มชื้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสัมฤทธิ์ผลได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ต้องเป็นผู้นำการบูรณาการและหล่อหลอมพลังภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ช่วยกันหนุนเสริมและขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ด้วยการร่วมคิดและพูดคุย ร่วมวางแผน ร่วมทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการร่วมรับประโยชน์ อันจะทำให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน


นางสุมาลี คุลิหา กล่าวว่า ตั้งแต่ทำโคก หนอง นา มา เมื่อก่อนทำแต่นาอย่างเดียว พอได้โครงการโคก หนอง นา มา รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นทุกด้าน ได้ปลูกผัก ได้ทำอะไรหลายอย่าง ได้กิน ได้แบ่งปัน ทำบุญ เหลือก็ได้ขาย สมาชิกในกลุ่มก็ได้แลกเปลี่ยนกัน สนับสนุนกันมาตลอด ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มาเยี่ยมเรื่อย ๆ ดีใจ ภูมิใจ พูดไม่ถูก ตื้นตันใจ เมื่อก่อนเลี้ยงหมูป่า หมูขาว แต่หมูราคาตกและเป็นโรค จึงหยุดเลี้ยง ทุกวันนี้ มีไก่ มีวัว มีหอย กุ้ง ปลาหมุนเวียนกัน ได้ของขายทุกวัน มีเงินทั้งรายวัน รายเดือน รายปี แต่ก่อนเป็นหนี้เยอะ เพราะเมื่อก่อนทำแต่นา ค่าปุ๋ย ค่ายาแพง เลยหันมาปลูกมันกับปลูกอ้อยก็ไม่เหลือเหมือนเดิม จากนั้นไปซื้อผักมาขาย ขายหมดก็ได้กำไร ขายไม่หมดก็ไม่ได้กำไร พอผู้ใหญ่บ้านประกาศมีโครงการโคก หนอง นา จึงสมัครและไปอบรมกับศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุดรธานี มาตอนนี้หมดหนี้หมดสินแล้ว มีความสุขกาย สุขใจมาก ยินดีเห็นเจ้าหน้าที่มาลงเยี่ยมตลอด ทำให้มีขวัญกำลังใจและจะต่อสู้ต่อไปตลอด ไม่ยอมถอย เพราะท่านสนับสนุนมาตลอด ท่านนายอำเภอ ปลัดอาวุโส พัฒนากร แวะมาเยี่ยมอยู่เรื่อย ๆ ดีใจภูมิใจที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำให้มีกิน เหลือกินก็ได้เก็บ แจกจ่าย ดีใจว่าโครงการนี้ยั่งยืน เมื่อก่อนต้องไปซื้อเขาแต่ไม่เหลืออะไร หาเงิน ทำแค่ไหนถ้าไม่เหลือเพราะต้องซื้อ มาตอนนี้ไม่ได้ซื้อ วันนึงขายผักได้ 400-500 บาท ก็ได้เก็บ ไม่มีอะไรต้องจ่าย เพราะเป็นของในแปลงตัวเอง

นายประพันธ์ ศรีอินทร์ ผู้ใหญ่บ้านโนนสูงภู่ทอง หมู่ 11 ตำบลบ้านจั่น กล่าวว่า ตนสมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา แปลงโคก หนอง นา บ้านจั่น ซึ่งตนได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 1 ไร่ แต่ด้วยส่วนตัวตนมีความศรัทธาและหลงใหลในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่อยู่ก่อนแล้ว จึงลงมือทำทีละเล็กละน้อย จนครบพื้นที่ของตนทั้ง 6 ไร่ จนทุกวันนี้มีพี่น้องประชาชนเจ้าของที่ดินแปลงข้าง ๆ อีก 4 แปลง ก็ทำตาม ส่งผลทำให้ปัจจุบันชาวบ้านอยู่ดี กินดี มีพืชผักสวนครัว ไม่ต้องซื้อ มีมะเขือ ข่า ตะไคร้ กล้วย มะพร้าว มะม่วง และมีปลาไว้บริโภคเยอะมาก จนทานไม่หมด ซึ่งถือเป็นความยั่งยืนอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]