ชลบุรี 20 ก.พ. – เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเด็ก 2 ขวบ หลังมีการเผยแพร่ภาพแม่วัย 17 ปี ขังลูกสาวในกรงหมา ใช้ไม้ตีหลายครั้ง ตรวจสอบพบเป็นการประชดกันไปมาระหว่างพ่อและแม่ของเด็ก
จากกรณี มีคลิปวงจรปิด ความยาว 1.30 นาที และภาพนิ่ง หญิงวัย 17 ปี ใช้ไม้เรียวตีลูกสาวตัวน้อยวัย 2 ขวบ และภาพของเด็กคนดังกล่าวที่ถูกขังอยู่ในกรงสุนัข ในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.4 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในโลกโซเชียล จนทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งพื้นที่เพื่อตรวจสอบ
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา พ.ต.อ.คมสรร คำตุ่นแก้ว ผกก.สภ.พลูตาหลวง พร้อมด้วยนายชาญชัย นิจสินธุ์ กำนันตำบลพลูตาหลวง ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าวตามที่ปรากฏภาพในคลิป พร้อมกับเชิญตัวแม่ของเด็กและเด็ก รวมทั้งคนในครอบครัว มาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายชาญชัย นิจสินธุ์ กำนันตำบลพลูตาหลวง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ไม่พบว่าเด็กถูกทำร้ายร่างกาย หรือพบร่องรอยฟกซ้ำแต่อย่างใด โดยแม่เด็ก บอกว่า เขาตีแบบไม่ได้ตั่งใจตีไม่ได้ทารุณเด็กแต่อย่างใด แต่ทำไปเพราะต้องการประชดพ่อของเด็กที่เลิกรากันไปแล้ว โดยแม่เด็กมีอายุ 17 ปี ส่วนเด็กผู้หญิงอายุแค่ 2 ขวบ และจากการสอบถามเพื่อนบ้านก็ไม่พบว่าแม่ของเด็กมีพฤติกรรมทารุณเด็ก และไม่เคยมีเพื่อนบ้านร้องเรียนมาก่อนด้วย อย่างไรก็ตามได้เชิญตัวแม่เด็กและครอบครัวมาที่ สภ.พลูตาหลวง เพื่อสอบถามถึงสาเหตุการเกิดเหตุในครั้งนี้
ด้านแม่เลี้ยง ของแม่เด็ก กล่าวว่า แม่เด็กก็ตีลูกเขาตามปกติ เพราะเด็กมีนิสัยดื้อ ส่วนที่มีรูปเด็กเข้าไปอยู่ในกรงหมานั้น เด็กเขาเข้าไปนั่งเล่นกับหมาเอง พอดีแม่เขาดุพอตีก็เลยเป็นเรื่อง พ่อเด็กเองก็มีคดีพรากผู้เยาว์อยู่กับแม่ของเด็ก พอเห็นรูปนี้ก็เลยเอาคืน ไปร้องเพจต่างๆ จนเกิดเป็นเรื่องขึ้น ตนขอยืนยันว่า แม่เด็กไม่เคยทารุณลูก ส่วนตอนที่ตี ก็เพราะเด็กทำสิ่งของตกแตก โดยพ่อของเด็กได้ไปเปิดกล้องวงจรปิดดู พบว่าลูกโดนแม่เด็กตี จึงนำคลิปไปร้องเรียน
อย่างไรก็ตามหลังจากมีคลิปนี้ออกไปแล้ว เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวแม่เด็กและเด็ก รวมถึงคนในบ้านมาสอบถาม และนำกล้องวงจรปิด มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยในเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเด็กเข้าสู่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรีไว้ก่อน เพื่อดูแลเยียวยา และประเมินสภาพจิตใจ พร้อมทั้งนำตัวส่งตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ส่วนแม่ของเด็กจะได้จัดชุดสหวิชาชีพเข้าดูแลและพูดคุยถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป .-สำนักข่าวไทย