อ่างทอง 31 ม.ค. – แก๊งเยาวชนต่างตำบลเปิดศึกดวลเดือด ก่อนยิงถล่มคู่อริบาดเจ็บ 5 ชาวบ้านถูกลูกหลงอีก 1 ตำรวจตามรวบได้พร้อมอาวุธปืน เตรียมขยายผลจับกุมดำเนินคดีทั้งแก๊ง
กลุ่มเยาวชนหลายสิบคนพร้อมอาวุธปืน และมีด ยกพวกตะลุมบอนกันอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน เป็นเยาวชนอายุ 15-18 ปี จำนวน 5 คน และชาวบ้านถูกลูกหลง 1 คน เหตุเกิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าร้านค้าริมบึงสำเภาลอย หมู่ที่ 1 ต.โรงช้าง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง โดยกลุ่มเยาวชนที่มาก่อเหตุเป็นกลุ่มเยาวชนในตำบลเอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง โดยมีนายเอ็ม อายุ 18 ปี เป็นหัวโจก ซึ่งเป็นคู่อริกับกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บในตำบลโรงช้าง โดยเยาวชนทั้ง 5 คน ได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืน มี 2 คน บาดเจ็บสาหัสถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอ่างทอง
ชาวบ้านที่ถูกลูกหลง มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ชายโครงขวา และมีรอยเขียวช้ำที่ต้นขาซ้ายและขาขวา เล่าว่า คืนที่ผ่านมาออกมาซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้านได้ยินเสียงวัยรุ่นเสียงดังจึงเดินออกมาดูและเห็นกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกัน จึงเดินไปหาลูกสาวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ขณะนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น และรู้สึกเจ็บที่ชายโครงและต้นขาเมื่อเปิดดูก็พบว่าตนเองถูกยิง
ด้านผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุกลุ่มของตนนั่งอยู่ที่หน้าร้านค้า มีกลุ่มวัยรุ่นคู่อริประมาณ 15-20 คน ขี่รถจักรยานยนต์มา และตะโกนท้าทายกัน ก่อนที่จะใช้ขวดปาเข้ามาในกลุ่มที่ตนนั่งอยู่ จึงเกิดการวิ่งไล่กัน ขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นสิ้นเสียงปืน พบว่ามีน้องๆ ในกลุ่มถูกกระสุนปืน รวมถึงแม่ของตนด้วย
ขณะที่ตำรวจ สภ.ป่าโมก ได้ควบคุมตัวนายไอซ์ อายุ 16 ปี หนึ่งในเยาวชนที่ร่วมก่อเหตุมาสอบสวน เบื้องต้นให้การว่า มือยิงคือนายเอ็ม โดยก่อนเกิดเหตุกลุ่มของตน ได้เจอกับกลุ่มคู่กรณี ที่สะพานป่าโมก จากนั้นได้ไล่ตามกันมาจนมีการท้าทายกัน กระทั่งเกิดการยกพวกตะลุมบอนกัน ส่วนสาเหตุที่มีการใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงใส่กลุ่มคู่อรินั้น เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มนั้นก็มีอาวุธเช่นกัน
ล่าสุดตำรวจ สภ.ป่าโมก นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายเอ็ม อายุ 18 ปี ขณะหลบอยู่ในบ้านพักใน ต.เอกราช อ.ป่าโมก ก่อนที่จะพาตัวไปยึดอาวุธปืนลูกซองยาว และกระสุนปืนลูกซอง ที่นำไปซุกซ่อนในป่าใกล้บ้าน และนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.ป่าโมก เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นๆ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมขยายผลติดตามกลุ่มเยาวชนที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินดีต่อไป .-สำนักข่าวไทย