ลูกสาวภรรยาฝรั่งหายปริศนา เชื่อแม่น่าจะเสียชีวิตแล้ว

นครราชสีมา 27 ม.ค.- กรณีสาววัย 46 ภรรยาฝรั่งหายตัวปริศนานานกว่า 20 วัน ญาติเร่งสูบน้ำออกจากสระ หลังวิญญาณไปเข้าสิงชาวบ้านบอกถูกฆ่ายัดถุงดำถ่วงน้ำ ลูกสาวเชื่อแม่น่าจะเสียชีวิตแล้ว 


กรณีการหายตัวไปของ น.ส. อรทัย อายุ 46 ปี ชาวนครราชสีมา หายตัวไปอย่างปริศนา พี่สาวได้โพสต์ตามหาในเฟซบุ๊กว่าพี่สาว ได้หายตัวออกจากบ้านไป 20 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.67 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบตัว บรรดาญาติพี่น้องต่างมั่นใจว่าการหายตัวไป ในครั้งนี้น่าจะมีเงื่อนงำบางอย่าง เพราะเอกสารต่างๆ ยังอยู่ครบทั้งบัตรประจำตัวประชาชน เอทีเอ็ม สมุดธนาคาร เสื้อผ้า รองเท้า พ่อของ น.ส. อรทัย บอกว่าปกติแล้วเวลาที่ลูกสาวไปไหนจะบอกตลอด ไม่เคยหายไปแบบนี้ ตอนนี้เป็นห่วงมากไม่รู้ว่าลูกจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เพราะหายออกจากบ้านไปตั้ง 20 กว่าวันแล้ว จึงอยากให้หลายหน่วยงานช่วยตามหา หรือใครพบเห็นช่วยแจ้งที

ส่วนสามีชาวต่างชาติ ยอมรับก่อนภรรยาหายตัวไป ได้เกิดมีปากเสียงกันค่อนข้างรุนแรง เรื่องทริปที่จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็งที่พัทยา ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน จากนั้นตัวเองก็เข้าไปนอนในห้อง แล้วไม่เห็นภรรยา จึงเดินทางไปพัทยาเพียงลำพัง และกลับมาไม่เห็นภรรยากลับเข้าบ้านมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนความรู้สึกตอนนี้คิดถึงและเป็นห่วงภรรยา ยังมีความหวังว่าภรรยาจะกลับบ้านมาโดยเร็ว


อย่างไรก็ตาม น้องสาวนางสาวอรทัยที่ เล่าว่า พี่สาวจดทะเบียนสมรสอยู่กินกับสามีชาวสวิตเซอร์แลนด์ และอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้ 2 ปีเศษแล้ว ก่อนหน้านี้พี่สาวได้มีสามีเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์มาก่อนหนึ่งคน แต่สามีเสียชีวิตเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และได้ทิ้งทรัพย์สินมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท เอาไว้ให้ จากนั้นพี่สาวได้พบรักกับสามีปัจจุบันและตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย

ก่อนที่พี่สาวจะหายตัวไป เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ตนเองและพี่น้องที่นั่งดื่มสังสรรค์อยู่หน้าบ้านที่อยู่ติดกับบ้านพี่สาว ได้ยินเสียพี่สาวและสามีทะเลาะกันเป็นภาษาอังกฤษอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก่อนที่พี่สาวจะเปิดประตูออกมาร้องไห้ที่หน้าบ้าน โดยไม่ได้บอกอะไร แล้วกลับเข้าไป จากนั้นทุกอย่างก็เงียบเป็นปกติ 

เช้าวันรุ่งขึ้นวันที่ 9 ม.ค.67 สามีของพี่สาวได้หอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ประมาณ 2 – 3 ใบ ขึ้นรถเก๋งออกจากบ้านไป โดยไม่บอกใคร และตลอดทั้งวันนั้นไม่มีใครพบพี่สาว จึงโทรศัพท์ไปถามกับสามีของพี่สาว ตอบเพียงว่าพี่สาวไปเล่นไพ่ ส่วนตัวเองอยู่พัทยามาเยี่ยมเพื่อน จึงไม่ได้ติดใจอะไร ต่อมาทางสามีพี่สาวเดินทางกลับมาบ้านช่วงค่ำๆ ยังไม่มีใครพบพี่สาว กระทั่งมาวันที่ 10 ม.ค.67 ที่ผ่านมา มีคนพบรถจักรยานยนต์ของพี่สาวไปจอดทิ้งเอาไว้ที่ทุ่งนาห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรครบุรี เพื่อให้ช่วยตามหา แต่จนถึงวันนี้ยังไม่พบตัวพี่สาว จึงมั่นใจว่าพี่สาวอาจจะถูกใครพาตัวไปหรืออาจถูกฆาตกรรม 


ทางบ้านของนางสาวอรทัย ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านที่ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ว่าลูกสาวของเขาถูกวิญญาณของ น.ส.อรทัย เข้าสิง แล้วบอกหมายเลขโทรศัพท์ของแม่ (แม่ น.ส.อรทัย) เพื่อให้ช่วยติดต่อญาติพี่น้องให้ช่วยงมเอาร่าง น.ส.อรทัย ที่จมอยู่ในสระน้ำใกล้กับจุดที่พบรถจักรยานยนต์ ทางน้องสาวของนางสาวอรทัย ทางปลายสายที่โทรมานั้น เหมือนกับเสียงของ น.ส.อรทัย ร้องให้ช่วยเอาขึ้นจากสระน้ำ จึงติดต่อกู้ภัยให้ช่วยมาค้นหา กู้ภัยใช้เวลาค้นหาภายในสระน้ำที่เป็นบ่อดินนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบร่างของ น.ส.อรทัย ที่เป็นผู้หายตัวไป จึงยุติการค้นหา

ล่าสุดวันนี้ (27 ม.ค. 67) พ่อของ น.ส.อรทัย ได้นำธูปเทียนและข้าวปลาอาหาร ไปจุดไหว้เจ้าที่ที่ริมสระน้ำกลางนาใกล้กับจุดที่รถจักรยานยนต์ของ น.ส.อรทัย ถูกนำมาจอดทิ้งไว้เพื่อให้ช่วยเปิดหูเปิดตาและช่วยให้ติดตามหาร่างลูกสาวให้พบโดยเร็ว แม้ว่าทางชุดประดาน้ำ ได้นำกำลังลงงมค้นหาบริเวณจุดนี้มาแล้วถึงสองรอบและก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ  นื่องจากยังมีสายโทรศัพท์จากทั้งญาติพี่น้องและบุคคลอีกอีกหลายสายโทรมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น.ส.อรทัย ลูกสาวถูกฆ่ายัดถุงดำแล้วนำไปถ่วงน้ำที่สระน้ำบริเวณนั้น

ขณะที่ทางครอบครัวของ น.ส.อรทัย ได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ให้ช่วยหาเครื่องสูบน้ำเพื่อไปสูบน้ำออกจากสระดังกล่าว ซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าของสระเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็มีชาวบ้านนำเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องไปช่วยสูบน้ำออกจากสระที่มีความกว้างประมาณ 15 เมตร ยาว 20 เมตร และลึกประมาณ 2 เมตรเศษ ด้วยความหวังว่าจะพบตัวของ น.ส.อรทัย

ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และตำรวจท้องที่  กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาข่าว ส่วนหนึ่งได้เข้าไปตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.อรทัย อีกรอบ แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนทางด้านสามีชาวต่างชาติคนใหม่ของ น.ส.อรทัย วันนี้ทางเหน้าที่ตำรวจ สภ.ครบุรี ได้เชิญตัวไปทำการเก็บดีเอ็นเอ เอาไว้ประกอบข้อมูลตามวิธีการของทางเจ้าหน้าที่

จากการพุดคุยกับลูกสาวของ น.ส.อรทัย กับสามีเก่าชาวไทย บอกกับตำรวจว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.67 เวลาประมาณทุ่มเศษ แม่ติดต่อมาถามว่าอยากไปเที่ยวด้วยกันไหม แต่ตัวเองติดสอบเลยบอกว่าไม่ได้ไป และแม่ถามถึงวิธีการตรวจสอบและกู้คืนข้อมูลการสนทนาผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ มีน้ำเสียงเหมือนกำลังร้องไห้ จึงคิดว่าสามีใหม่ของแม่อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นจึงทำให้แม่อย่างไปเช็กแอปพลิเคชันเหล่านี้ ซึ่งอาจะเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองมีปากเสียกันก่อนที่แม่ตัวเองจะมาหายตัวไปจนถึงทุกวันนี้

ลูกสาวตอบอย่างหมดหวังว่าคิดว่าแม่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีผู้ชายเดินเข้ามาในบ้านแล้วแม่หายตัวไป หากมองในภาพแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นสามีใหม่ของแม่ เพราะเคยอยู่ด้วยกันจึงรู้จักและจำกิริยาท่าทางได้เป็นอย่างดี.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย