ลูกสาวภรรยาฝรั่งหายปริศนา เชื่อแม่น่าจะเสียชีวิตแล้ว

นครราชสีมา 27 ม.ค.- กรณีสาววัย 46 ภรรยาฝรั่งหายตัวปริศนานานกว่า 20 วัน ญาติเร่งสูบน้ำออกจากสระ หลังวิญญาณไปเข้าสิงชาวบ้านบอกถูกฆ่ายัดถุงดำถ่วงน้ำ ลูกสาวเชื่อแม่น่าจะเสียชีวิตแล้ว 


กรณีการหายตัวไปของ น.ส. อรทัย อายุ 46 ปี ชาวนครราชสีมา หายตัวไปอย่างปริศนา พี่สาวได้โพสต์ตามหาในเฟซบุ๊กว่าพี่สาว ได้หายตัวออกจากบ้านไป 20 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.67 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบตัว บรรดาญาติพี่น้องต่างมั่นใจว่าการหายตัวไป ในครั้งนี้น่าจะมีเงื่อนงำบางอย่าง เพราะเอกสารต่างๆ ยังอยู่ครบทั้งบัตรประจำตัวประชาชน เอทีเอ็ม สมุดธนาคาร เสื้อผ้า รองเท้า พ่อของ น.ส. อรทัย บอกว่าปกติแล้วเวลาที่ลูกสาวไปไหนจะบอกตลอด ไม่เคยหายไปแบบนี้ ตอนนี้เป็นห่วงมากไม่รู้ว่าลูกจะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เพราะหายออกจากบ้านไปตั้ง 20 กว่าวันแล้ว จึงอยากให้หลายหน่วยงานช่วยตามหา หรือใครพบเห็นช่วยแจ้งที

ส่วนสามีชาวต่างชาติ ยอมรับก่อนภรรยาหายตัวไป ได้เกิดมีปากเสียงกันค่อนข้างรุนแรง เรื่องทริปที่จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็งที่พัทยา ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน จากนั้นตัวเองก็เข้าไปนอนในห้อง แล้วไม่เห็นภรรยา จึงเดินทางไปพัทยาเพียงลำพัง และกลับมาไม่เห็นภรรยากลับเข้าบ้านมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนความรู้สึกตอนนี้คิดถึงและเป็นห่วงภรรยา ยังมีความหวังว่าภรรยาจะกลับบ้านมาโดยเร็ว


อย่างไรก็ตาม น้องสาวนางสาวอรทัยที่ เล่าว่า พี่สาวจดทะเบียนสมรสอยู่กินกับสามีชาวสวิตเซอร์แลนด์ และอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาได้ 2 ปีเศษแล้ว ก่อนหน้านี้พี่สาวได้มีสามีเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์มาก่อนหนึ่งคน แต่สามีเสียชีวิตเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และได้ทิ้งทรัพย์สินมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท เอาไว้ให้ จากนั้นพี่สาวได้พบรักกับสามีปัจจุบันและตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย

ก่อนที่พี่สาวจะหายตัวไป เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ตนเองและพี่น้องที่นั่งดื่มสังสรรค์อยู่หน้าบ้านที่อยู่ติดกับบ้านพี่สาว ได้ยินเสียพี่สาวและสามีทะเลาะกันเป็นภาษาอังกฤษอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ก่อนที่พี่สาวจะเปิดประตูออกมาร้องไห้ที่หน้าบ้าน โดยไม่ได้บอกอะไร แล้วกลับเข้าไป จากนั้นทุกอย่างก็เงียบเป็นปกติ 

เช้าวันรุ่งขึ้นวันที่ 9 ม.ค.67 สามีของพี่สาวได้หอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ประมาณ 2 – 3 ใบ ขึ้นรถเก๋งออกจากบ้านไป โดยไม่บอกใคร และตลอดทั้งวันนั้นไม่มีใครพบพี่สาว จึงโทรศัพท์ไปถามกับสามีของพี่สาว ตอบเพียงว่าพี่สาวไปเล่นไพ่ ส่วนตัวเองอยู่พัทยามาเยี่ยมเพื่อน จึงไม่ได้ติดใจอะไร ต่อมาทางสามีพี่สาวเดินทางกลับมาบ้านช่วงค่ำๆ ยังไม่มีใครพบพี่สาว กระทั่งมาวันที่ 10 ม.ค.67 ที่ผ่านมา มีคนพบรถจักรยานยนต์ของพี่สาวไปจอดทิ้งเอาไว้ที่ทุ่งนาห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรครบุรี เพื่อให้ช่วยตามหา แต่จนถึงวันนี้ยังไม่พบตัวพี่สาว จึงมั่นใจว่าพี่สาวอาจจะถูกใครพาตัวไปหรืออาจถูกฆาตกรรม 


ทางบ้านของนางสาวอรทัย ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านที่ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ว่าลูกสาวของเขาถูกวิญญาณของ น.ส.อรทัย เข้าสิง แล้วบอกหมายเลขโทรศัพท์ของแม่ (แม่ น.ส.อรทัย) เพื่อให้ช่วยติดต่อญาติพี่น้องให้ช่วยงมเอาร่าง น.ส.อรทัย ที่จมอยู่ในสระน้ำใกล้กับจุดที่พบรถจักรยานยนต์ ทางน้องสาวของนางสาวอรทัย ทางปลายสายที่โทรมานั้น เหมือนกับเสียงของ น.ส.อรทัย ร้องให้ช่วยเอาขึ้นจากสระน้ำ จึงติดต่อกู้ภัยให้ช่วยมาค้นหา กู้ภัยใช้เวลาค้นหาภายในสระน้ำที่เป็นบ่อดินนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบร่างของ น.ส.อรทัย ที่เป็นผู้หายตัวไป จึงยุติการค้นหา

ล่าสุดวันนี้ (27 ม.ค. 67) พ่อของ น.ส.อรทัย ได้นำธูปเทียนและข้าวปลาอาหาร ไปจุดไหว้เจ้าที่ที่ริมสระน้ำกลางนาใกล้กับจุดที่รถจักรยานยนต์ของ น.ส.อรทัย ถูกนำมาจอดทิ้งไว้เพื่อให้ช่วยเปิดหูเปิดตาและช่วยให้ติดตามหาร่างลูกสาวให้พบโดยเร็ว แม้ว่าทางชุดประดาน้ำ ได้นำกำลังลงงมค้นหาบริเวณจุดนี้มาแล้วถึงสองรอบและก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ  นื่องจากยังมีสายโทรศัพท์จากทั้งญาติพี่น้องและบุคคลอีกอีกหลายสายโทรมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น.ส.อรทัย ลูกสาวถูกฆ่ายัดถุงดำแล้วนำไปถ่วงน้ำที่สระน้ำบริเวณนั้น

ขณะที่ทางครอบครัวของ น.ส.อรทัย ได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ให้ช่วยหาเครื่องสูบน้ำเพื่อไปสูบน้ำออกจากสระดังกล่าว ซึ่งได้รับอนุญาตจากเจ้าของสระเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็มีชาวบ้านนำเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่องไปช่วยสูบน้ำออกจากสระที่มีความกว้างประมาณ 15 เมตร ยาว 20 เมตร และลึกประมาณ 2 เมตรเศษ ด้วยความหวังว่าจะพบตัวของ น.ส.อรทัย

ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และตำรวจท้องที่  กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาข่าว ส่วนหนึ่งได้เข้าไปตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.อรทัย อีกรอบ แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนทางด้านสามีชาวต่างชาติคนใหม่ของ น.ส.อรทัย วันนี้ทางเหน้าที่ตำรวจ สภ.ครบุรี ได้เชิญตัวไปทำการเก็บดีเอ็นเอ เอาไว้ประกอบข้อมูลตามวิธีการของทางเจ้าหน้าที่

จากการพุดคุยกับลูกสาวของ น.ส.อรทัย กับสามีเก่าชาวไทย บอกกับตำรวจว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.67 เวลาประมาณทุ่มเศษ แม่ติดต่อมาถามว่าอยากไปเที่ยวด้วยกันไหม แต่ตัวเองติดสอบเลยบอกว่าไม่ได้ไป และแม่ถามถึงวิธีการตรวจสอบและกู้คืนข้อมูลการสนทนาผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ มีน้ำเสียงเหมือนกำลังร้องไห้ จึงคิดว่าสามีใหม่ของแม่อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นจึงทำให้แม่อย่างไปเช็กแอปพลิเคชันเหล่านี้ ซึ่งอาจะเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองมีปากเสียกันก่อนที่แม่ตัวเองจะมาหายตัวไปจนถึงทุกวันนี้

ลูกสาวตอบอย่างหมดหวังว่าคิดว่าแม่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีผู้ชายเดินเข้ามาในบ้านแล้วแม่หายตัวไป หากมองในภาพแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นสามีใหม่ของแม่ เพราะเคยอยู่ด้วยกันจึงรู้จักและจำกิริยาท่าทางได้เป็นอย่างดี.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]

IOT ลุยบ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทย

22 ส.ค.- IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านกัมพูชาปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านบอกแค้นใจ โดนเขมรยึดแผ่นดิน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงหลักเขตที่ 46 – 48 ที่อยู่ด้านในพื้นที่ พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกำพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป -สำนักข่าวไทย