คุมตัวผู้ต้องหาขโมยทารก ฝากขังศาลจังหวัดนครปฐม แม่ร่ำไห้เข่าทรุด

นครปฐม 15 ส.ค. – พนักงานสอบสวน นำตัวนายนันทจักร ผู้ต้องหาคดีลักเด็ก มาสอบสวน ก่อนนำตัวส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม โดยมีแม่ของผู้ต้องหานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง ร่ำไห้โผเข้ากอดลูกชายหลังสอบปากคำเพิ่มเติมเสร็จ


คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีมีคนร้ายเข้าไปขโมยทารกเพศชาย เพิ่งคลอดได้ 2 วัน จากห้องคลอด รพ.บางเลน จ.นครปฐม เมื่อคืนวันที่ 13 ส.ค. ตำรวจรู้ตัวคนร้ายคือนายนันทจักษ์ หรือนัน อายุ 43 ปี ที่ขโมยเด็กไปไว้ที่บ้าน แต่ประเด็นที่สังคมจับตาคือ บ้านนายนัน อยู่ตรงข้ามบ้าน “น้องต่อ” เด็กชายวัย 8 เดือนที่หายตัวไปเมื่อเดือน ก.พ. ซึ่งนายนันสารภาพขโมยเด็กจริง เพราะอยากมีลูก และคิดว่าเด็กเป็นลูกของแฟนเก่า แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการหายตัวของน้องต่อ

เบื้องต้น ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ คาดอาจเชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ หลังพบรูปเด็กจำนวนมากในโทรศัพท์มือถือของนายนัน หนึ่งในนั้นมีรูปของน้องต่อด้วย รวมทั้งยังมีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีนายนัน ในช่วงที่น้องต่อหายตัว อีกทั้งมีประวัติติดยาเสพติดและพนันออนไลน์


พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้บังคับการตำรวจนครปฐม และเจ้าหน้าที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 คุมตัวนายนันไปค้นบ้านพัก เก็บเส้นผมและเส้นขน เพื่อตรวจหาดีเอ็นเอ หาความเชื่อมโยงคดีนี้ และคดีน้องต่อด้วย

พ.ต.อ.พัลลภ กล่าวว่า จากคำให้การของผู้ต้องหา สังเกตได้ว่าเป็นคำให้การที่วกวน ในตอนแรกนายนันทจักษ์อ้างว่าต้องการแก้แค้น เพราะคิดว่าทารกเป็นลูกของแฟนเก่า แต่ภายหลังกลับบอกว่าเดินสุ่มเข้าไปดูเด็ก โดยไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหากับนายนัน คือ “ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ฯ, กักขังหน่วงเหนี่ยวฯ, บุกรุกสถานที่ราชการในยามวิกาลฯ” และต้องรอผลตรวจร่างกายของเด็กชายวัย 2 วันก่อนด้วยว่า จะแจ้งข้อหาทารุณกรรมเพิ่มเติมหรือไม่


ด้านนางดา แม่ผู้ต้องหา กล่าวว่า วันที่ลูกชายเอาเด็กกลับมาบ้านตนไม่รู้เรื่อง กระทั่งหลานโทรศัพท์มาถาม เพราะเห็นข่าวว่ามีคนขโมยเด็กจากโรงพยาบาลและผู้ต้องสงสัยคล้ายกับลูกชาย จึงตั้งใจเคาะประตูห้องถามความจริง แต่เมื่อประตูเปิดออก ลูกชายก็ส่งเด็กมาให้อุ้มเอาไปคืน แต่ตำรวจก็มาตรวจค้นบ้านก่อน และเอาเด็กไปส่งโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุน่าจะเพราะความเครียดเรื่องแฟนเก่าที่เลิกกันไปกว่า 10 ปี และที่ไปเอาเด็กมานั้นลูกชายก็บอกตำรวจว่าเสพยาบ้า และดื่มเบียร์ก่อนไปก่อเหตุ

ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ สภ.บางเลน จ.นครปฐม เพื่อติดตามคดีขโมยเด็ก พร้อมกล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ดูแลคดีอย่างใกล้ชิด และให้ติดตามบัญชีที่ผู้ต้องหาเปิดไว้กว่า 10 บัญชี เร่งสอบเส้นทางการเงิน เพราะในวันที่น้องต่อ เด็ก 8 เดือนหายตัวไป เมื่อวันที่ 5 ก.พ.66 มีเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหา 60,000 บาท โอน 3 ครั้ง ผู้ต้องหาตอบไม่ได้ว่าเงินมาจากไหน และเพื่อให้ความจริงปรากฏจะสืบสวนต่อไปว่าเคยก่อเหตุขโมยเด็กคนอื่นหรือไม่ ให้นำโทรศัพท์ไปกู้ข้อมูลทั้งหมด ตรวจสอบภาพเด็กในโทรศัพท์ว่าเด็กเหล่านี้มีตัวตนหรือไม่ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เกี่ยวพันกับคดีลักเด็กหรือไม่ หรือรับจ้างใครมา เชื่อมโยงกับคดีน้องต่อหายตัวหรือไม่ ขณะนี้ให้น้ำหนักในเรื่องการลักเด็กทารกเพียงรายเดียวก่อน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจมีความเชื่อมั่นว่ายอดเงินที่โอนเข้ามา 60,000 บาท เกี่ยวพันกับเด็กแน่นอน และตรวจสอบบัญชีล่าสุดยังพบมีเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหาอีก 100,000 บาท โอน 5 ครั้ง ครั้งละ 20,000 บาท และอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวหลังคดีน้องต่อหายตัวไป รวมยอดเงินปริศนา 160,000 บาท ผู้ต้องหาต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเงินจำนวนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร

ขณะแม่ของน้องต่อ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องเด็กที่นายนันขโมยมาจากโรงพยาบาล ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดีของน้องต่อ เนื่องจากตนให้ข้อมูลตามเดิมที่เคยให้การกับตำรวจไปแล้วว่า ตนเป็นคนทำลูกหล่นพื้นเสียชีวิต ก่อนนำศพไปโยนทิ้งแม่น้ำ ตนกับนายนันไม่เคยเกี่ยวข้องกัน และไม่ได้รู้จักกับนายนัน เป็นการส่วนตัว

พนักงานสอบสวนนำตัวนายนัน มาสอบสวน ก่อนส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม โดยมีแม่ของผู้ต้องหานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้อง และนำข้าวผัดกะเพราทะเลรวมมิตร มาให้ลูกชาย หลังสอบปากคำเพิ่มเติมเสร็จ ตำรวจนำผู้ต้องหาเข้าไปควบคุมตัวในห้องขัง แม่ผู้ต้องหาโผเข้าไปกอดร่ำให้ พร้อมปลอบใจลูก ไม่น่าทำเลยลูกเอ๋ย ทำไมไม่คิดถึงแม่บ้าง แม่รักหนูนะ แม่จะไปเยี่ยมบ่อยๆ

ผู้ต้องหาตอบคำถามของผู้สื่อข่าว เรื่องเงินที่โอนเข้ามาในบัญชี ยืนยันมีเงินเข้ามาเพียงบาทเดียว เงิน 160,000 บาท ที่ตำรวจกล่าวอ้างไม่มีจริงๆ และยืนยันเรื่องของน้องต่อ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย และขอให้ตำรวจนำเงินมาให้ดูด้วย ที่อ้างว่ามีเงินเข้ามาในบัญชี ผมขอให้นักข่าวช่วยตามเรื่องนี้ด้วย

ตำรวจนำผู้ต้องหาขึ้นรถห้องขัง แม่เดินออกมาส่งลูก พร้อมกำชับลูกว่า ให้ทำความดีเยอะๆ จะได้รับการปล่อยตัวเร็วๆ หลังจากรถเคลื่อนออกไปแม่ถึงกลับเป็นลม ล้มลงไปนอนกับพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องช่วยกันประคองและนำเข้าไปพักในห้องแอร์. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย