คนร้ายขับรถประกบสองผัวเมีย ก่อนยิงสามีลากขึ้นรถหลบหนี

เพชรบูรณ์ 4 เม.ย. – ระทึกกลาง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ คนร้ายขับรถประกบสองสามีภรรยา บังคับให้ลงจากรถ ก่อนใช้อาวุธปืนยิงสามีแล้วลากตัวขึ้นรถหลบหนีไป ตำรวจคาดสาเหตุจากปมธุรกิจมืด หลังพบถูกจำคุกคดียาเสพติดทั้ง 2 ฝ่าย


เมื่อคืนที่ผ่านมา (4 เม.ย.) คนร้ายขับรถยนต์ประกบรถสองสามีภรรยา พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนยิงสามีได้รับบาดเจ็บ จากนั้นลากตัวสามีที่บาดเจ็บขึ้นรถหลบหนีไปยังเส้นทาง จ.พิษณุโลก ท่ามกลางความตกตะลึงของภรรยาและลูกๆ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนเส้นทางหลวงหมายเลข 12 ถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก บริเวณด้านหน้าลานจอดรถ เขาเหลียงซานคอฟฟี่ฮิล ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จึงเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบเพียงรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาวจอดอยู่ลานจอดรถ โดยมีเชือกกั้นไว้เป็นเขตหวงห้าม ในที่เกิดเหตุมีรอยหยดเลือดที่พื้นหลายจุด ส่วนภรรยาของผู้บาดเจ็บ ตำรวจเชิญตัวไปสอบสวนที่ สภ.เขาค้อ


จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าสองสามีภรรยาทราบชื่อต่อมาคือ นายเจริญกิจ อายุ 38 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และภรรยาคือ นางไหมเซี๊ยะ ขับรถยนต์กระบะโตโยต้าแค็บสีขาว จากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปทาง อ.เขาค้อ ระหว่างทางมีรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีดำ 4 ประตู ขับมาประกบและเบียดให้จอดข้างทาง จากนั้นมีคนร้าย 4-5 คน ลงมาพูดคุยเป็นภาษาม้ง จึงคาดว่าน่าจะเป็นชาวเขาด้วยกัน และหนึ่งในนั้นใช้อาวุธปืนยิงขานายเจริญกิจจนได้รับบาดเจ็บ และลากขึ้นรถอีกคันขับหลบหนีไป ท่ามกลางความตกตะลึงของภรรยาและลูกๆ โดยภรรยานำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายคลิปวิดีโอไว้ได้เล็กน้อย

ตำรวจเปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งแล้วได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 ปลอก และกระสุนปืนขนาด .38 มม. จำนวน 1 นัด และโทรศัพท์ของคนร้ายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น ตำรวจยังไม่ได้มุ่งเป้าว่าเกิดจากสาเหตุใด และหลังจากได้รับแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังออกตรวจสอบ พบว่าหลังจากคนร้ายก่อเหตุได้ขับรถมุ่งหน้าไปทาง อ.เขาค้อ และกลับรถขับย้อนมาทางเส้นทางเดิม จึงประสานไปยังเส้นทางที่ติดต่อกัน คือ จ.พิษณุโลก เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเส้นทางดังกล่าว ปรากฏว่าไม่พบรถของคนร้ายเข้าไปในพื้นที่ จ.พิษณุโลก จึงคาดว่าคนร้ายยังคงอยู่ในพื้นที่ อ.เขาค้อ จึงฝากไปยังประชาชนในพื้นที่ หากพบรถยนต์ต้องสงสัยให้แจ้งตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ตร.คาดธุรกิจมืด หลังพบถูกจำคุกคดียาเสพติดทั้ง 2 ฝ่าย
วันนี้ (4 เม.ย.) ตำรวจ สภ.เขาค้อ เปิดเผยว่า เบื้องต้นรู้ตัวคนร้ายแล้วว่าเป็นใคร เนื่องจากทำโทรศัพท์หล่นไว้ในที่เกิดเหตุ และรู้ตัวเจ้าของรถคันที่นำมาก่อเหตุเป็นใคร ซึ่งร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับ

พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้เดินทางมาติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เขาค้อ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุม โดยไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องนั่งรับฟังแต่อย่างใด โดยแจ้งว่าจะมาให้ข้อมูลหลังการประชุมเสร็จแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.เข็มชาติ ประจง ผกก.สภ.เขาค้อ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้รู้แล้วว่ากลุ่มคนร้ายเป็นใคร และกำลังจะออกหมายจับ จากการสืบประวัติพบว่าทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายน่าจะรู้จักกัน และอาจจะทะเลาะกันเกี่ยวกับธุรกิจมืด โดยทั้งสองฝ่ายต่างเคยถูกจำคุกในคดียาเสพติด และพ้นโทษออกมาได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว นอกจากนั้นหนึ่งในผู้ก่อเหตุยังอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับจากศาลจังหวัดลำปาง คดีเกี่ยวกับยาเสพติดอีกด้วย

พล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจรู้แล้วว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นใคร จึงอยากขอให้เข้ามามอบตัว รวมทั้งอย่าทำร้ายหรือทำอันตรายผู้บาดเจ็บที่ลักพาตัวไป เพราะไม่เช่นนั้นหากถูกจับได้จะมีโทษหนักมากถึงประหารชีวิต ดังนั้น อยากให้เข้ามามอบตัวและปล่อยผู้ที่ถูกจับ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา

ล่าสุดตำรวจ สภ.เขาค้อ รับแจ้งว่าพบรถยนต์ต้องสงสัยถูกเผาเหลือแต่ซาก อยู่ในพื้นที่ สภ.บ้านแยง จ.พิษณุโลก ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นรถคันเดียวกันกับที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก