กต.ตร.พัทยา-สถานบันเทิงปฏิเสธจ่ายส่วย หลังมีภาพโพยแชร์ว่อนเน็ต

พัทยา 25 ต.ค. – ประธาน กต.ตร.พัทยา ประสานเสียงสถานบันเทิงพัทยา ปฏิเสธวุ่น หลังโพยจ่ายส่วยแชร์ว่อนเน็ต ยืนยันไม่มีการจ่ายส่วยแน่นอน ภาพที่ปรากฏออกไปเป็นประชุมคณะ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยาสัญจรเท่านั้น


จากกรณีจับกุมสถานบันเทิงเมืองพัทยา และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เมื่อมีการแชร์ภาพถ่ายแผ่นกระดาษที่มีการเขียนด้วยลายมือ ระบุรายชื่อสถานบริการ ประเภทผับดังๆ หลายแห่งในเมืองพัทยา พร้อมกับมีตัวเลขคล้ายกับยอดเงินตามท้ายชื่อของแต่ละร้าน ระบุจำนวนเงินตั้งแต่ 9,000 บาท ไปจนถึง 30,000 บาท โดยมีการลงคู่กับภาพถ่าย ซึ่งมีบุคคลที่ปรากฏในภาพคือ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กำลังนั่งรับประทานอาหารกับกลุ่มบุคคลสวมใส่เสื้อชุด กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา ส่วนข้อความของภาพระบุ “พัทยาเก็บส่วยแบบนี้ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน จะว่ายังไง”

ล่าสุดนางอำพร ประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจแห่งชาติ (กต.ตร.) สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับ นายชัยรันต์ รองประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา เปิดโต๊ะแถลงข่าวยอมรับว่าบุคคลที่ปรากฏในภาพคือกลุ่มของคณะทำงาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยาจริง วันนั้นมีการจัดกิจกรรมประชุม คณะ กต.ตร.สัญจร โดยเชิญ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งเพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ พร้อมด้วยผู้ประกอบการในเมืองพัทยา มาประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและแนวทางการปฏิบัติ
นอกจากนี้ยังเชิญผู้ประกอบการมาร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับฟังแนวทางการปฏิบัตินโยบายของตำรวจ และปรับความเข้าใจอะไรหลายๆ เรื่องที่สถานประกอบการควรปฏิบัติตามกฎหมาย แต่พอมีภาพดังกล่าวหลุดออกไปและมีการสื่อไปในทิศทางที่ไม่ใช่ความจริง จึงทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ยืนยันว่าภาพที่หลุดไปเป็นภาพการประชุมคณะ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยาสัญจรเท่านั้น


สำหรับมีการเสนอภาพดังกล่าวมีการสื่อในทิศทางที่ผิดจากข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพูดคุยเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มที่นำภาพไปเผยแพร่ จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

ขณะที่นางลิซา ประธานชมรมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา และประธานผู้ประกอบการจอมเทียน-พัทยา กล่าวตัดพ้อกับผู้สื่อข่าวว่า เมืองพัทยากลับมาตกเป็นข่าวในด้านไม่ดีอีกครั้ง ทำให้รู้สึกตกใจ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการเมืองพัทยาพยายามช่วยพัฒนาด้านการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น อีกทั้งปัจจุบัน นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาจำนวนมาก ผู้ประกอบการกำลังตื่นเต้นกับการทำมาหากิน แต่ต้องมาประสบเหตุการณ์ตามข่าว ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากตำรวจต้องกลับมาเข้มงวดขึ้นไปอีก แทนที่จะได้รับการผ่อนปรน ต้องกลับเดือดร้อนกันอีกครั้ง

ด้านเจ้าของสถานบริการ 2 รายที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในโพยที่ถูกอ้างว่าเป็นรายชื่อจ่ายส่วยสถานบริการให้กับเจ้าหน้าที่ ยืนยันตรงกันว่าไม่มีการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน ถึงให้จ่ายคงจ่ายไม่ไหว เนื่องจากเป็นยอดที่สูง ทางร้านพยายามเข้มงวดตามนโยบายตำรวจที่ห้ามมีเรื่องเด็ก ยาเสพติด และอาวุธปืน กระทั่งมาเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทำให้สถานบริการในเมืองพัทยาได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก


ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตสำหรับโพยส่วยดังกล่าวว่าจริงหรือไม่ เนื่องจากรายชื่อมีบางร้านมีการปิดตัวไปก่อนโควิดระบาด บางร้านถูกไฟไหม้ ปิดตัวไปแล้ว ยังพบว่ามีรายชื่ออยู่ในโพย แต่ร้าน โบนผับ ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นคลับวัน ที่ปรากฏเป็นข่าว ยังมีรายชื่อจ่ายส่วย

ขณะที่นายนิติพัฒน์ อายุ 45 ปี และนายแบ้งค์ อายุ 46 ปี ผู้บริหารของผับคลับวัน และเป็นชายที่ปรากฏในคลิปปะทะคารม ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบผับ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจ ขอโทษสิ่งที่พูดไปในคลิปในวันเกิดเหตุ เพียงเพราะความเมา

ด้าน พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้รับมอบจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล รอง.ผบ.ตร. (ปป.) ให้เดินทางมาคุมสำนวนสอบสวนคดีคลับวัน ผับ กล่าวว่า กรณีที่มีชายแสดงพฤติกรรมเอะอะโวยวายเจ้าหน้าที่ ทำให้สะเทือนถึงความเชื่อมั่นของผู้บังคับใช้กฎหมาย จึงทำให้ ผบ.ตร. และรอง.ผบ.ตร. มีการกำชับสั่งการให้ดำเนินคดีกับทุกฝ่าย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ดำเนินคดีกับนายมนู อายุ 37 ปี ผู้ดูแลผับดังกล่าว ข้อหากระทำความผิด พ.ร.บ.สถานบันเทิง และ พ.ร.บ.จำหน่ายสุรา แต่เมื่อจากดูคลิปในวันเกิดเหตุอย่างละเอียดอาจจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม อีกทั้งเตรียมประสานเมืองพัทยาเพื่อเข้าตรวจสอบในเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ว่ามีการขออนุญาตใช้อาคารถูกต้องตามกฎหมาหรือไม่

นอกจากนี้เตรียมสอบสวนเจ้าของผับตัวจริง ซึ่งจากแนวทางการสอบสวนทราบว่าคือ “กู๋เอี๋ยว” ที่มีประวัติเกี่ยวข้องคดีฟอกเงินและยาเสพติด รวมถึงหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ ผกก.สภ.เมืองพัทยา รวบรวมสำนวนการสอบสวนทั้งหมด และเร่งทำเรื่องเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สั่งปิดสถานบันเทิงดังกล่าว 5 ปี ส่วนยาเสพติดจำนวนมากที่ตกอยู่ในผับให้ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบหารอยนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ

ส่วนกรณีชายที่ปรากฏในคลิปพูดพาดพิงถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ถือว่าให้เป็นเรื่องของผู้ที่ถูกพาดพิงจนได้รับความเสียหาย ใครที่เสียหายต้องไปดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนที่มีกระแสดราม่าเรื่องนักเที่ยวกว่า 200 คน ไม่ยอมให้ตรวจปัสสาวะ พากันแตกฮือออกจากผับ เมื่อดูจากคลิปพบว่ามีชายฉกรรจ์ 3 คน พยายามปลุกปั่นให้นักเที่ยวลุกฮือหนีออกจากผับ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ประเด็นนี้ตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับชายทั้ง 3 คนที่ปรากฏในคลิป ในข้อกล่าวหา “ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่”.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย