คาร์บอมบ์สนั่นด่านเมียวดี เสียงระเบิดดังไกลถึงแม่สอด

แม่สอด 16 ต.ค. – ระทึกกลางดึก! เกิดเหตุคาร์บอมบ์บริเวณด่านพรมแดนถาวรจังหวัดเมียวดี ของเมียนมา ติดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 เสียงระเบิดดังสนั่นถึงด่านพรมแดนถาวรแม่สอด จ.ตาก ก่อนเกิดการยิงปะทะของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ฝั่งไทยตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยชายแดน


ภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นเหตุการณ์ขณะเกิดคาร์บอมบ์บริเวณข้างที่ทำการด่านพรมแดนถาวร จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ติดกับเชิงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ตรงข้ามด่านพรมแดนถาวร อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อเวลา 19.30 น. วานนี้ (15 ต.ค.) โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายนำระเบิดแสวงเครื่องติดตั้งในรถยนต์ เสียงระเบิดดังอย่างรุนแรง 1 ครั้ง ก่อนมีไฟลุกท่วม กลุ่มควันไฟลอยไปทั่วท้องฟ้าทั้งฝั่ง จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา และชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเกิดระเบิดอีกเป็นครั้งที่ 2 คาดว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องถูกวางไว้บริเวณสำนักงานราชการ จ.เมียวดี ใกล้กับตลาดบุเรงนอง ห่างจากระเบิดจุดแรกประมาณ 1 กิโลเมตร และมีเสียงปืนเล็กยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย นานกว่า 5 นาที ท่ามกลางความโกลาหลไปทั่วพื้นที่ จ.เมียวดี ชาวบ้านต่างรีบหาที่หลบภัย ปิดไฟในบ้านเรือน บนถนนเต็มไปด้วยทหารเมียนมาและทหารกองกำลังพิทักษ์ชายแดนเมียนมา วางกำลังอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน สถานการณ์เป็นไปด้วยความตรึงเครียด


ขณะที่ฝั่งชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตรึงกำลังในจุดเสี่ยงและล่อแหลม โดยเฉพาะท่าข้ามธรรมชาติ ริมแม่น้ำเมย

ด้านชาวบ้านหมู่บ้านริมเมย ที่มีบ้านติดแนวชายแดนตรงข้ามกับด่านเมียวดี เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกับครอบครัวกำลังนั่งพักผ่อนติดด่านพรมแดนถาวรแม่สอด ทันใดนั้นมีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น 1 ครั้ง จนกระจกทั้งบ้านสั่น จากนั้นที่ด่านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ก็เกิดกลุ่มควันไฟลอยเต็มท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงปืนเล็กอีกหลายนัด และเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 1 ครั้ง ห่างจากจุดแรกไปไม่ไกลมาก ตกใจและต้องเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสถานการณ์ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสรุปเหตุการณ์เบื้องต้น การคาร์บอมบ์ด่านพรมแดน จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา เกิดขึ้น 2 จุด จุดแรกบริเวณด่านพรมแดนถาวร จ.เมียวดี และจุดที่ 2 บริเวณที่ทำการส่วนราชการใกล้กับตลาดบุเรงนอง ตรงข้ามด่านพรมแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และยังไม่มีกลุ่มใดอ้างในการก่อเหตุครั้งนี้ สันนิฐานว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มต่อต้านทหารเมียนมา ที่มีการยิงปะทะในพื้นที่ชายแดนมาอย่างต่อเนื่องนานนับปีแล้ว


เหตุการณ์คาร์บอมบ์ด่านพรมแดนถาวรเมียวดี เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเกิดซ้ำในครั้งนี้ ซึ่งระเบิดทั้ง 2 ครั้งสร้างความเสียหายด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากเหตุเกิดบริเวณด่านพรมแดนถาวรเมียวดี ซึ่งเป็นย่านการค้าชายแดนที่สำคัญ และมักเกิดเหตุรุนแรง ช่วงที่มีข่าวลือว่าสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 จะเปิดด่านพรมแดนอีกครั้ง หลังปิดมานานหลายปีจากโควิด และต้องเลื่อนการเปิดต่อไปอีก หลังเกิดระเบิดและความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาขึ้นระลอกล่าสุด

ส่วนบรรยากาศบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 เช้านี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา ชาวเมียนมาส่วนใหญ่ยังเก็บตัวอยู่ในบ้าน บนถนนพบเจ้าหน้าที่ทหารเมียนมา ตำรวจ และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ปิดกั้นพื้นที่รอบเชิงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 เพื่อเข้าไปตรวจสอบความปลอดภัย

เบื้องต้นจุดที่เกิดคาร์บอมบ์มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านถูกแรงระเบิดจนเกิดเพลิงไหม้เสียหายกว่า 10 คัน บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ได้รับความเสียหายหลายหลัง ที่ทำการด่านพรมแดนถาวรเมียวดีถูกแรงระเบิดพังเสียหายยับเยิน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง แต่ไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ และเน้นสร้างความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน มุ่งโจมตีเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐบาล

ส่วนจุดระเบิดที่ 2 ย่านตลาดบุเรงนอง ย่านเศรษฐกิจการค้าสำคัญ ร้านค้าหลายร้านเสียหายอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ทางการเมียนมายังคงปิดพื้นที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด เพื่อเข้าเก็บวัตถุพยานหลักฐาน ท่ามกลางการวางกำลังทหารรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ด่านพรมแดนเมียวดีอย่างเข้มงวด

ส่วนบรรยากาศฝั่งด่านพรมแดนถารแม่สอด จ.ตาก ชาวบ้านร้านค้าที่ด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 1 ยังคงเปิดค้าขายตามปกติ แต่บรรยากาศเงียบเหงามาก

ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อคืนมีเสียงระเบิดดังมาก จนบ้านสั่นสะเทือน เห็นกลุ่มควันไฟลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า รู้สึกหวาดกลัวมาก ซึ่งระเบิดคาร์บอมบ์ในครั้งที่ 2 นี้ทำให้การค้าขายเงียบลงไปอีก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย