ทร.ย้ำจีทูจีซื้อเรือดำน้ำถูกกฎหมาย

กองทัพเรือ 24 ส.ค.-กองทัพเรือยกทีมแถลงยันสัญญาซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจีถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลจีนส่งผู้แทนร่วมลงนาม ย้ำ จำเป็นต้องมีปกป้องผลประโยชน์ชาติ ระบุ “ยุทธพงศ์” สร้างแตกแยก กองทัพเสียหาย เตรียมพิจารณาจะฟ้องหรือไม่


พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ แถลงข่าวกรณีการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในกองทัพเรือ ว่า หลังจากที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยเปิดเผยเรื่องเรือดำน้ำ สร้างความเสียหายต่อส่วนรวม สร้างความแตกแยก ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกองทัพ การที่นายยุทธพงศ์ระบุว่าการซื้อแบบจีทูจีเป็นสัญญาเก๊นั้น น่าประหลาดใจ แต่ถ้าโครงการรับจำนำข้าวจึงจะเก๊ เพราะทำสัญญาจีทูจีไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำสัญญาจีทูจีอย่างถูกต้องและโปร่งใส

“ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อทางการเมือง การหยิบยกว่าเรื่องใช้เงินจำนวนมาก 22,500 ล้านบาทไปจัดซื้อ เพราะไม่ได้จัดซื้อครั้งเดียวทั้งก้อน เป็นการทยอยจ่าย พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือจึงมอบหมายทีมงานให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง ส่วนการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน รัฐบาลมีงบประมาณในส่วนนี้อยู่แล้ว ในส่วนของกองทัพเรือก็เช่นกัน จึงต้องเดินหน้าต่อไปในการทำงาน ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง” โฆษกกองทัพเรือ กล่าว


ด้านพล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ ชี้แจงว่าจากที่กองทัพเรือชี้แจงงบประมาณต่อคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ และมีคณะอนุกรรมาธิการฯบางคนนำข้อมูลมาแถลง แต่เป็นข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน อาจเป็นการหวังผลทางการเมืองที่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อรัฐบาล จึงต้องนำข้อเท็จจริงมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ยืนยันว่ากองทัพเรือเล็งเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำมาตลอด จึงได้จัดหาเรือดำน้ำตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ แต่มักจะถูกโยงไปเป็นประเด็น ทางการเมือง ซึ่งการจัดหาเรือดำน้ำลำแรกเมื่อปี 2560 แต่จะรับเข้าประจำการในปี 2566 ก็ซื้อแบบจีทูจี หรือรัฐบาลกับรัฐบาล และขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านมีเรือดำน้ำเพิ่มขึ้น

พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ เปิดวิดีทัศน์ชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นการจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นวิดีทัศน์ที่ฉายให้คณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ ได้รับชมในวันที่เข้าชี้แจงงบประมาณ โดยในวิดีทัศน์ดังกล่าวได้แสดงถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ประเทศไทยเคยมีเรือดำน้ำและสามารถข่มขวัญประเทศที่รุกรานน่านน้ำให้ถอยกลับไปได้

“กองทัพเรือพยายามจัดซื้อเรือดำน้ำมาหลายปี แม้จะยังไม่เห็นสงครามโลกในขณะนี้ แต่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในน่านน้ำ อีกทั้งสหรัฐส่งเรือรบเข้าไปในพื้นที่ทะเลจีนใต้มากขึ้น หากเราไม่มีกำลังที่เข้มแข็งเพียงพอ ผลประโยชน์ของชาติย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าในทะเลจีนใต้จะไม่มีเหตุการณ์ปะทะนองเลือด ซึ่งผมเชื่อว่ามี และอย่าลืมว่าจัดซื้อวันนี้ อีก 6 ปีจึงจะได้เรือลำน้ำ ยืนยันว่าการจัดหาเรือดำน้ำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ” เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าว


พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ ชี้แจงเรื่องงบประมาณการจัดหาเรือดำน้ำสำรวจสองลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดหาเรือดำน้ำจำนวนสามลำ ว่า ทยอยจ่ายทั้งหมด 7 ปี ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2566 ซึ่งเป็นการจัดหาต่อเนื่องเพื่อให้ครบสามลำ ไม่ใช่โครงการผูกพันงบประมาณที่เริ่มใหม่ในปี 2564 นี้ แต่เป็นโครงการการเสริมสร้างกำลังของกองทัพที่เริ่มตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2569 เป็นการทยอยตั้งงบประมาณรายปีภายในงบประมาณที่กองทัพเรือได้รับตามปกติ ไม่ได้ขอรับงบประมาณเพิ่มเติม และรายการนี้ได้ตราไว้แล้วในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563

“ตามกำหนดที่ต้องชำระใน 7 งวดที่ตั้งไว้ในตอนแรก ระบุไว้ว่า ในปี 2563 จ่ายวงเงิน 3,375 ล้านบาท ปี 2564 วงเงิน 3,925 ล้านบาท ปี 2565 วงเงิน 2,640 ล้านบาท ปี 2566 วงเงิน 2,500 ล้านบาท ปี 2567 วงเงิน 3,060 ล้านบาท ปี 2568 วงเงิน 3,500 ล้านบาท ปี 2569 วงเงิน 3,500 ล้านบาท แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด รัฐบาลได้ให้หน่วยงานราชการโอนงบประมาณคืนไปสำหรับแก้ไขปัญหาโควิด ซึ่งกองทัพเรือเล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวจึงตัดลดงบประมาณที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2563 และจ่ายงวดแรกในวงเงินงบประมาณของปี 2564 แทน และไปจบงวดสุดท้ายในปี 2570” ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าว

พล.ร.ท.ธีรกุล กล่าวว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาการจัดทำคำขอของกองทัพเรือ ได้กำหนดรายละเอียดของงบประมาณตามคำแนะนำและความเห็นชอบของสำนักงบประมาณ โดยยึดความประหยัดและความคุ้มค่า ตระหนักถึงคุณค่าของเงินทุกบาทของประเทศชาติและตั้งงบประมาณรายจ่ายอยู่ในกรอบที่เคยได้รับโดยประมาณทุกปี ทั้งนี้ กองทัพเรือเตรียมลงนามในสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ในเดือนกันยายนนี้

น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ชี้แจงว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ให้ข่าวในสื่อต่าง ๆ ว่าการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 1 ไม่ถูกต้องและไม่มีกฎหมายรองรับนั้น ยืนยันว่ากองทัพเรือไม่เคยพูดเท็จกับประชาชน แต่การมีเรือดำน้ำจะช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรอง กองทัพเรือจึงศึกษาและเสนอแนะต่อรัฐบาล กระทั่งวันที่ 18 เมษายน 2560 คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำตามที่กองทัพเรือตระหนักถึงความจำเป็นของเรือดำน้ำ และข้อเสนอของจีนดีที่สุด

“ส่วนที่บอกว่าจีทูจีปลอม เป็นการให้ข้อมูลเท็จ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติอนุมัติและให้อำนาจผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งอนุมัติให้ประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำและเสนาธิการทหารเรือเป็นผู้แทนลงนามข้อตกลง ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความถูกต้อง พิจารณารอบคอบตามระเบียบวิธีราชการทุกประการ ขณะที่รัฐบาลจีนสั่งการให้หน่วยงาน SASTIND ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐของจีนที่บริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการส่งออกอาวุธ มอบอำนาจให้ประธานบริษัท CSOC เป็นผู้แทนลงนาม ดังนั้น คนของจีนที่มาลงนามจึงเป็นผู้ที่ได้รับมอบอำนาจมาอย่างชัดเจน จึงเป็นจีทูจีของจริง ไม่ใช่จีทูจีของปลอม” น.อ.ธาดาวุธ กล่าว

น.อ.ธาดาวุธ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ยังคลาดเคลื่อนเรื่องการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลจีนกับไทย เนื่องจากเป็นจีทูจี คือ ความเอื้อเฟื้อมิตรไมตรีระหว่างรัฐบาล จึงใช้คำว่า “ข้อตกลง” ไม่ใช้คำว่า “สัญญา” จึงทำให้มีผู้เข้าใจผิด ไปแปลความหมายของคำ ว่า “ข้อตกลง “คือ “MOU” ที่ต้องลงนามโดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งที่ข้อตกลงนี้ เป็น “Agreement” ไม่ใช่ “MOU”

พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ชี้แจงว่า การเจรจากับจีนอยู่บนพื้นฐานเรือดำน้ำ 3 ลำมาโดยตลอด และรัฐบาลจีนรับทราบการจัดหาเป็นระยะ แต่เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาด้านงบประมาณ จึงจัดหาเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำก่อน ซึ่งได้ลงนามข้อตกลงไปแล้ว ส่วนการจัดหาระยะที่สองในปีงบประมาณ 2563 ถึง 2569 การเจรจาได้ข้อยุติแล้ว และสามารถจัดหาได้ในราคาลำละ 11,250 ล้านบาท ซึ่งราคาต่อลำต่ำกว่าลำที่หนึ่ง

“ในราคาดังกล่าวจะรวมถึงได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ประกอบด้วยแผ่นยางลดเสียงสะท้อน ระบบสื่อสารดาวเทียม ระบบสื่อสารข้อมูลทางยุทธวิธีและอาวุธ ทั้ง จรวดนำวิถี ทุ่นระเบิด ตอร์ปิโด โดยมีมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเลย ดังนั้น ในปี 2560-2570 ประเทศไทยจะมีเรือลำดำหน้าตาคล้ายกันทั้งหมด 3 ลำ แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามที่เจรจาไว้ทั้งหมด ประเทศไทยจะหมดความน่าเชื่อถือเชิงพาณิชย์ การจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 จึงมีความจำเป็น ซึ่งได้เสนอร่างข้อตกลงจ้างให้สำนักงานอัยการสูงสุดและกระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบแล้ว” ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าว

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายยุทธพงศ์ที่กล่าวหาว่าเป็นจีทูจีเก๊หรือไม่ พล.ร.อ.สิทธิพร กล่าวว่า หน่วยงานจะพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า หากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 มีมติไม่เห็นชอบการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 จะได้รับผลกระทบอย่างไร ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ กล่าวว่า หากไม่สามารถซื้อได้ในปีงบประมาณ 2564 ไม่มีค่าปรับอะไร แต่เกรงว่าจะเกิดปัญหาเรื่องราคาที่อาจจะสูงขึ้นมาก รวมทั้งจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือในเชิงพาณิชย์ที่ไทยจะได้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับจีน

ส่วนที่มีข่าวกระแสผู้ใหญ่ในรัฐบาลล็อบบี้คณะอนุกรรมาธิการฯ ให้โหวตผ่านการจัดหาเรือดำน้ำ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า ตนมีแต่หน้าที่การชี้แจง ไม่มีหน้าที่อื่น และยืนยันว่าชี้แจงตามข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งเมื่อกองทัพเรือแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายพิจารณ์ได้ลุกขึ้นสอบถามกับคณะแถลงข่าวของกองทัพเรือ ว่าคำชี้แจงของกองทัพเรือครั้งนี้ ไม่ได้ปรากฎในการชี้แจงของคณะอนุกรรมาธิการฯ

“ขอให้กองทัพวางตัวเป็นกลาง ควรงดการพูดจาเหน็บแหนมและลดทอนความน่าเชื่อถือของตัวบุคคล พฤติกรรมนี้ไม่ทำให้กองทัพเรือได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชน และผมได้ยินแต่คำว่าโควิด แต่ไม่ได้ยินคำว่า วิกฤติเศรษฐกิจ จึงอยากสอบถามกองทัพเรือว่ามีแนวทางลดงบประมาณจากกำลังพลอย่างไร” นายพิจารณ์ กล่าว

พล.ร.อ.สิทธิพร ได้กล่าวขออภัยหากพาดพิง เพียงแต่อยากชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมยืนยันว่ากองทัพเรือมีแผนลดกำลังพลต่อไป แต่เป็นเรื่องภายในของกองทัพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ยืนยันไม่มีการปิดด่านบ้านคลองลึก

สระแก้ว 13 มิ.ย. – ผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่สยบข่าวลือปิดด่านคลองลึก หลังชาวไทย-กัมพูชา ตื่นตระหนกแห่ข้ามฝั่ง จนเกิดความวุ่นวายหน้าด่าน ขณะฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 12.30 น. หลังจากมีกระแสข่าวลือในกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชาและชาวไทย ว่าทางการจะมีคำสั่งปิดด่านชั่วคราวในช่วงบ่าย ระหว่างเวลา 13.00-14.00 น. ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งเร่งรีบข้ามแดนและสอบถามข้อมูลกันอย่างจ้าละหวั่น โดยข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเดินทางข้ามแดนก่อนถึงช่วงเวลาที่เข้าใจกันว่าจะปิดด่าน ทำให้บรรยากาศหน้าด่านเต็มไปด้วยความตึงเครียดและสับสน ด้านผู้ว่าฯ สระแก้ว ลงพื้นที่ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดด่าน พร้อมขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และย้ำชัดว่าเวลาการเปิด-ปิดด่านยังคงเป็นไปตามประกาศเดิมของกองกำลังบูรพา คือเปิด 08.00-16.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำสั่งใหม่ ฝั่งปอยเปตเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงกัมพูชา เปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองในฝั่งปอยเปตได้ดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่เชื่อมโยงกับฝั่งไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมข้อมูลและสื่อสารในพื้นที่ชายแดน ฝั่งกัมพูชาปิดด่านบ้านแหลมไม่แจ้งล่วงหน้าส่วนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เมื่อเวลา 10.45 น. เกิดความวุ่นวาย หลังฝั่งกัมพูชา มีการปิดประตูด่านฝั่ง ต.บึงรัง […]

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]