“สิระ-มงคลกิตติ์” เผชิญหน้า หวิดวางมวยกลางสภาฯ

รัฐสภา 21 ส.ค.- “สิระ-มงคลกิตติ์” เผชิญหน้า หวิดวางมวยกลางสภาฯ ด่าไร้สำนึก  “สิระ” ขอ รปภ.ช่วย หลังถูกคุกคาม วิ่งหาประธานสภาฯ ช่วยเคลียร์  ด้าน “มงคลกิตติ์” ลั่น ลูกผู้ชายผิด ก็ต้องขอโทษ   หากไม่ขอโทษ จะแจ้งความดำเนินคดี 24 ส.ค. นี้  เผย รับปากประธานสภาฯ จบเรื่องในสภาฯ  แต่นอกสภาฯ ทางใคร ทางมัน   


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.50น. วันนี้ (21ส.ค.) ที่ อาคารรัฐสภา ชั้น 1 ระหว่างที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษสื่อมวลชน ได้เห็นนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐ เดินเข้ามา  จึงได้ปรี่เข้าไปหานายสิระ ที่กำลังยืนคุยกับสื่ออีกกลุ่ม  และจับแขนข้างขวาของนายสิระ   นายสิระได้ขอให้ผู้ที่อยู่บริเวณดังกล่าว ช่วยบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะสะบัดมือออกทันที และพูดว่า “อย่ามาจับผม จับตัวผมไม่ได้ คุณเป็นนักเลง” พร้อมเดินห่างจากนายมงคลกิตติ์

แต่นายมงคลกิตติ์เดินตามนายสิระ และพยายามพูดว่า นายสิระด่าตน ขณะที่ นายสิระได้พยายามเดินเลี่ยงหนี และขอให้ตำรวจสภาฯ มาพาตัวนายมงคลกิตติ์ออกไป เพราะเป็นอันธพาล และระบุว่า ให้ถ่ายภาพไว้ ว่าใครหาเรื่องใคร  ให้ภาพฟ้องคนทั้งประเทศ และรายงานถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ส.ส.กระทำผิด นี่คือสภาอันทรงเกียรติ มาหาเรื่อง ขณะที่ นายมงคลกิตติ์ สวนกลับว่า “ทำไมเวลาพูดไม่คิด ใครเป็นคนเริ่ม”  ทำให้นายสิระตอบกลับว่า  คิดแล้ว และบอกว่า “ไม่ต้องมาพูดกับผม ให้ไปทำหน้าที่ของคุณ”


จากนั้น นายสิระ ให้สัมภาษณ์ เรียกร้องให้นายชวน หลีกภัย  ประธานสภาผู้แทนราษฎร ช่วยสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย เพราะถูกนายมงคลกิตติ์เข้ามาก่อกวน  รังควาน คุกคาม ในระหว่างเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ พฤติกรรมเช่นนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ระหว่างที่นายสิระให้สัมภาษณ์ นายมงคลกิตติ์ ยืนสังเกตการณ์ข้างๆ อยู่ตลอด และให้สัมภาษณ์ว่า แทนที่นายสิระจะมีสำนึก ขอโทษ ในฐานะลูกผู้ชาย  ตนไม่ได้ทำอะไร เพียงต้องการสอบถาม ว่าสิ่งที่นายสิระพูด คิดก่อนหรือไม่ ที่ต่อว่าและด่าผู้อื่นลับหลังหลายครั้ง  ซึ่งตนไม่ชอบ ยืนยันไม่เคยด่าว่านายสิระ และไม่เคยเริ่มก่อน

“มาว่าคนอื่นลับหลัง แล้วไปฟ้องผู้ใหญ่ เขาเรียกว่าอะไร ปกติเวลามีอะไร เคลียร์กัน ตกลงกันไม่ได้ ก็นอกห้องเรียน ไม่ต้องเอาครูบาอาจารย์มายุ่งเกี่ยวฟ้องผู้ใหญ่ หรือฟ้องพ่อ ฟ้องแม่ ผมเป็นลูกผู้ชาย ฆ่าได้ หยามไม่ได้ ปกติผมเป็นคนอ่อนน้อม เพียงแต่เจอคนมีการศึกษา เราก็มีการศึกษา ลูกผู้ชาย ทำผิดตองรับผิด ผมไม่ใช่คนอันธพาล ผมเป็นลูกผู้ชายที่หยามไม่ได้ เราผิดตรงไหน ไม่ดีตรงไหนยอมรับ แต่นี่มาว่าลับหลัง ผมไม่ชอบ” นายมงคลกิตติ์ กล่าว


จากนั้น นายสิระได้ขึ้นมาพบนายชวน หลีกภัย เพื่อรายงานถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที พร้อมเปิดเผยว่า ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดูแลความปลอดภัย ส.ส.ที่ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ให้มีใครมาคุกคาม หรือมาท้าตีท้าต่อย  และว่า เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) และวันนี้ ตนถูกคุกคามจากการทำหน้าที่ ส.ส.

นายสิระได้โชว์ข้อความที่นายนายมงคลกิตติ์โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า “ไอ้สิระ กูเจอมึงที่ไหน กูจะเอาให้ฟันร่วงหมดปาก รู้จักกูน้อยไป”  มาแสดงให้เห็นว่านายมงคลกิตติ์มีพฤติกรรมเช่นใด   

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายสิระออกมาให้สัมภาษณ์นั้น  นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มาพาตัวนายมงคลกิตติ์ ที่รออยู่หน้าห้อง เข้าพบประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับนายสิระ

ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ ใช้เวลาพบประธานสภาผู้แทนราษฎร ประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ว่า มาพบประธานสภาผู้แทนราษฎร  เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบอยู่แล้ว และเข้าใจว่าสิ่งที่นายสิระทำกับตนแรงมาก  

“ประธานสภาฯ ได้ขอว่า ในสภาฯ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น และอยากให้นายสิระมาขอโทษ  ซึ่งผมได้รับปากเ พราะเป็นลูกผู้ชาย คำไหน คำนั้น เมื่อผมรับปาก ว่าจะไม่เกิดเรื่องใดๆ ในสภาฯ และในฐานะลูกผู้ชาย หากมาขอโทษเรื่องก็จบ ผมไม่ใช่พวกลอบกัดใคร เพราะไม่ใช่หมา” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า หากนายสิระยังไม่ขอโทษ ก็จะมอบหมายให้ทนายความ ไปฟ้องร้องดำเนินคดี ที่ศาลอาญา ฐานหมิ่นประมาท ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม นี้  พร้อมยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ เพื่อกลบข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ ตามที่มีสื่อบางสื่อเสนอ พร้อมยอมรับว่า เมื่อวานนี้บันดาลโทสะ จึงโพสต์ด่า แต่บังเอิญนิ้วไปโดนข้อความที่โพสต์ จึงถูกลบไป ไม่ได้มีเจตนาลบข้อความ นายมงคลกิตติ์  กล่าวว่าได้รับปากนายชวนแล้วว่า จะจบเรื่องหากเจอกันในสภาฯก็จะไม่ไปถามไปพูดไปคุย ซึ่งถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะเป็นสภา แต่ไม่รับปากว่าเจอข้างนอกจะเป็นอย่างไร และจะไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกัน เพราะมี ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน แต่ตนขอเดินคนละทางกับนายสิระ ทางใคร ทางมัน และไม่กังวงกรณีที่ถูกแจ้งความ เพราะไม่ได้มีโทษหนัก เพราะเป็นการบันดาลโทสะ แต่กรณีของนายสิระ ถือว่าหมิ่นประมาทตนถึง 2 ครั้ง    .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย