ส.ว.ชี้โยงคดีบอสกับน้องชายบิ๊กป้อม จินตนาการไปเอง

รัฐสภา 29 ก.ค.- “ธานี อ่อนละเอียด” ส.ว.เชื่อ การโยงคดี “บอส อยู่วิทยา” กับ “น้องชายบิ๊กป้อม” จินตนาการไปเอง ยัน กมธ.กฎหมาย สนช.ไม่เคยมีมติชี้ใครถูกผิดคดีนี้


นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงชี้แจงกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อกมธ.ในคดีขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ โดยประมาทถึงแก่ความตาย ว่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 59 นายธนิต บัวเขียว ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ได้มายื่นขอความเป็นธรรม ในประเด็นว่า คำสั่งของรองอัยการสูงสุดที่ยุติเรื่องขอความเป็นธรรม โดยไม่นำเอาข้อเท็จจริงในส่วนของคำให้การของพยานผู้เชี่ยวชาญและรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญมาพิจารณาสั่งคดีนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงใช้ช่องทางมาร้องต่อกมธ.ขอให้สอบถามข้อเท็จจริงจากพยานบุคคลและตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเร็วรถในขณะเกิดเหตุ

นายธานี กล่าวว่า ทางกมธ.จึงได้ส่งเรื่องไปยังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สนช. เพื่อตรวจสอบตามระเบียบ ต่อมาศูนย์ดังกล่าวได้รับเรื่องและพิจารณาเห็นว่าอยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่ของกมธ.กฎหมายฯ และไม่เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกมธ.ชุดอื่น จึงส่งเรื่องกลับมาให้พิจารณาตามหน้าที่และอำนาจ ทางกมธ.จึงมีมติรับเรื่องไปสอบหาข้อเท็จจริง โดยเชิญบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง 8 คน คืออดีตรองอัยการสูงสุด อธิบดีอัยการ พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ตรวจสอบสภาพรถยนต์ พยาน 2 ปาก และพยานแวดล้อม 2 ปาก


นายธานี กล่าวว่า จากนั้นได้ทำหนังสือถึงอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ให้ส่งผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสภาพความเสียหายและคำนวณความเร็วของรถ โดยได้ส่งรศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มาทำการตรวจสอบ และส่งผลการตรวจสอบกลับมายังกมธ. จากนั้นได้รวบรวมผลการสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งไปยังอัยการสูงสุด และอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

“ยืนยันว่าการดำเนินการของ กมธ.เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2557 ม.13 วรรคสองและข้อบังคับการประชุม สนช. ที่ให้สนช.ทำหน้าที่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งถือเป็นช่องทางหนึ่งให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ” นายธานี กล่าว

เมื่อถามว่า ในรายงานของคณะกรรมาธิการมีความเห็นอย่างไร นายธานี กล่าวว่า ตามอำนาจของกมธ.ไม่สามารถชี้ผิดชี้ถูก เพราะเราไม่ใช่อัยการ ป.ป.ช. หรือ กกต.ที่จะวินิจฉัยได้ เรามีหน้าที่แค่เสนอผลการศึกษา คำชี้แจงของผู้มาขี้แจง การศึกษาเรื่องการคำนวณความเร็วรถของผู้เชี่ยวชาญ โดยนำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาเท่านั้น


เมื่อถามว่า ผลการศึกษาเรื่องความเร็วไม่ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช่หรือไม่ นายธานี กล่าวว่า เรื่องนี้แบ่งออกเป็นสองประเด็น คือ เมื่อคนในองค์กรถึงแก่กรรมก็ต้องเร่งดำเนินการ และได้มีการสอบเพิ่มเติมหลังจากมีการร้องกับสนช. ทางอัยการสูงสุดได้สั่งให้สอบเรื่องความเร็วว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เจ้าพนักงานจึงไปทำรายงานต่อหน้าผู้บังคับบัญชาระดับนายพล จากความเร็วเดิม 177 กม.ต่อชม. ซึ่งคลาดเคลื่อนจากเป็นจริง คือ 76 กม. ต่อ ชม. ก่อนที่จะมาชี้แจงอีกครั้งกับกมธ. ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของดร.สายประสิทธิ์ ที่เป็นคนไทยคนเดียวที่เป็นสมาชิกเอเชี่ยน เอ็นแคป ในรายงานของกมธ.ที่เสนอไปให้อัยการ คือ 79 กม.ต่อ ชม.

เมื่อถามว่า เหตุใดไม่นำข้อมูลของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ซึ่งยืนยันว่าความเร็วรถเกิน 100 กม.ต่อ ชม. นายธานี กล่าวว่า ไม่มีคนยื่นคำร้องมา แต่ทางกมธ.ได้เชิญสารวัตรช่างเครื่องยนต์ ยศ พ.ต.ท. ซึ่งทำคดีมาจำนวนมาก มาให้ความเห็นด้วย ซึ่งยืนยันว่าจากความเสียหาย ความเร็วไม่น่าจะเกิน 80 กม.ต่อ ชม.

“วิทยาศาสตร์น่าเชื่อถือที่สุด พยานบุคคลยังกลับไปกลับมา ถ้าสงสัยสื่อก็ต้องไปหาความรู้ หาแหล่งอ้างอิงซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการให้ความรู้กับประชาชนว่าวิธีการสืบหาข้อเท็จจริง โดยที่ว่าเราไม่ได้ว่าจินตนาการ คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่การกระทำความผิดไม่เลือกวัย ไม่เลือกความจน ความรวย ทุกคนมีโอกาสทำความผิดกันหมด แต่ข้อเท็จจริงถ้าพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์มันต้องเป็นอย่างนั้น แล้วศาลจะเชื่อถือข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าบุคคล” นายธานี กล่าว

เมื่อถามถึงพยานใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวทั้งที่คดีดังกล่าวผ่านมา 7 ปี นายธานี กล่าวว่า อย่าจินตนาการแบบนี้ ขอร้อง ทุกอย่างนำเปลือกหรือข้อเท็จจริงที่ยังไม่ยุติมาอ้าง ซึ่งอีก 7 วันทางอัยการก็จะรวบรวมหลักฐาน พยาน เพื่อชี้แจง แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยตรวจสอบว่ามีเหตุผลหรือไม่ อัยการและตำรวจมีหน้าที่พิจารณามูลเหตุว่า เพียงพอฟ้องหรือไม่ และอัยการเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่ตามอำเภอใจ หรืออัยการก็ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ หรือไม่ใช่พนักงานส่งอาหารที่มาอย่างไรก็ส่งไปอย่างนั้น เขามีดุลยพินิจในการวินิจฉัย ถ้าใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจก็จะติดตัวเขาไปจนตาย ตรงนี้ฝากสื่อให้ความรู้แก่ประชาชนบ้าง ขอให้สื่อใจเย็นและให้สติปัญญากับประชาชน อย่าเร่งเร้า ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลนลานไปหมด

นายธานี กล่าวว่า คณะกมธ.มีหน้าที่ตรวจสอบ แต่ไม่มีอำนาจในการสั่งหรือก้าวก่าย และพนักงานอัยการจะนำผลการศึกษาของกมธ.ไปใช้สั่งสำนวนไม่ได้ แต่หากอัยการสงสัยก็จะสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนในประเด็นนั้น ๆ เพิ่มเติม และไม่มีการตัดสินชี้ถูกชี้ผิด

เมื่อถามว่า ทำไมกมธ.ถึงเรียกพยาน 2 ปาก ซึ่งอัยการตีตกพยานดังกล่าวตั้งแต่ปี 2555 แล้ว นายธานี กล่าวว่า มีการกล่าวอ้างชื่อในคำร้องของนายวรยุทธว่าการไม่ฟังพยาน 2 ปากนี้ ถือว่าไม่ชอบด้วยกฏหมายและไม่เป็นธรรม

เมื่อถามอีกว่า นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำตัวของตระกูลอยู่วิทยา และอดีต ส.ว. เคยร่วมทำงานกับพล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ในกมธ.การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา ปี 51 ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นผู้ดำเนินการยื่นเรื่องต่อกมธ.กฏหมาย สนช. ปี 57 ซึ่งพล.ร.อ.ศิษฐวัชร เป็นประธาน นายธานี กล่าวว่า เท่าที่ทราบ นายธนิต บัวเขียว คือทนายความที่รับมอบอำนาจให้มายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าว ส่วนจะเป็นตัวแทนนายสมัครหรือไม่ ไม่ทราบ ตั้งแต่ตนเป็นกมธ.ยืนยันไม่เคยเจอนายสมัคร

นายธานี กล่าวอีกว่า กรณีพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร อดีตผบช.น. และ อดีตสนช. ออกมาเปิดเผยว่าในชั้นกมธ.ได้ตีตกเรื่องนี้ไปแล้วนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะสนช.มีงานเยอะ พล.ต.ท.ศานิตย์จึงอาจสับสนได้ และกมธ.ไม่มีการทำความเห็นให้อัยการส่งสำนวนไปยังตำรวจเพื่อทบทวนอีกครั้ง

นายธานี กล่าวว่า ผลการศึกษาเรื่องความเร็วของกมธ. ตรงข้ามกับหลักฐานเมื่อปี 2555 ซึ่งเป็นที่สงสัยของตนและกมธ.เช่นกัน แต่ก็ไม่มีผู้มาร้องเรียนหลังเจ้าพนักงานทำรายงานต่อหน้าผู้บังคับบัญชา และตัวผู้เชี่ยวชาญที่มาศึกษาก็มีความรู้ความสามารถทำคดีมาหลายคดี มีต้นทุนทางสังคม

ส่วนสภาพของรถที่หลายคนสันนิษฐานว่ายับเยินมากกว่าความเร็วที่ 76 กม.ต่อ ชม. นายธานี กล่าวว่า จากรายงานให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องมวลของรถเฟอร์รี่ที่หนัก และรถมอเตอร์ไซค์มีมวลรถที่เบา ส่วนหากวิ่งด้วยความเร็วดังกล่าวแล้วทำไมนายวรยุทธถึงมองไม่เห็น ลากร่างผู้เสียชีวิตถึง 200 เมตรนั้น อาจมีรถกระบะมาบังจึงมองไม่เห็นคนที่ถูกชน และมีการสันนิษฐานเป็นสองประเด็น คือ รถเบรกแล้วแต่ไม่มีรอยเพราะด้วยประสิทธิภาพของรถหรู หรือมีความเป็นไปได้ว่าไม่เบรก ส่วนเรื่องยาเสพติดในตัวนายวรยุทธไม่มีการร้องเรื่องนี้เข้ามา ดังนั้น กมธ.จึงไม่ได้ตรวจสอบ

เมื่อถามย้ำว่า มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เสียหายหรือไม่ นายธานี กล่าวว่า ผู้เสียหายไม่ได้ร้องมาที่ สนช. และจากบันทึกของตำรวจนายวรยุทธได้เยียวยาให้กับครอบครัวผู้ตายไปแล้ว อีกทั้งญาติก็ไม่ได้ร้องว่าไม่ได้รับเงินเยียวยา เมื่อถามว่าจะให้สอบประเด็นอะไร เท่าที่ดูข่าวเขาก็ได้รับค่าเสียหายไปแล้วจริงและไม่ติดใจ ที่สำคัญทางญาติก็ไม่ได้นั่งรถไปกับผู้เสียชีวิตและเห็นเหตุการณ์ หากไม่เรียกมาจะถือว่ากมธ.ผิด อย่าอคติกับกมธ.ว่าช่วยนายวรยุทธ เพราะไม่รู้จะช่วยไปทำไม ยืนยันว่ากมธ.ให้ความช่วยเหลือทั้งสองฝ่าย

“ผมอยากจะเตือนสติสังคมว่าไปย้อนดูว่ามีกี่สื่อ กี่ฉบับที่เมื่อศาลพิพากษาแล้ว หรือยกฟ้อง แล้วมีคนตกเป็นจำเลยตามที่สื่อเสนอ แล้วสื่อไปขอโทษด้วยจิตวิญญาณของวิชาชีพ เขาเสียหายขนาดไหน อยากจะเตือนสติไว้บ้างว่าเราเองขายข่าวได้เป็นประเด็น แต่ต้องมีสติ ให้สังคมได้พัฒนา หยิบเอาประเด็นมาเป็นจินตนาการแบบนั้นแบบนี้ เมื่อเขาพิสูจน์ได้ ก็เงียบไป ไม่เห็นมีสื่อไหนถือดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา ขอเถอะ ขอให้มีสติให้สังคมพัฒนาขึ้น ปฏิรูปสื่อสักที” นายธานี กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีการโยงไปถึงพล.ร.อ.ศิษฐวัชร ซึ่งเป็นน้องชายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นการจินตนาการใช่หรือไม่ นายธานี กล่าวว่า คงอย่างนั้น อย่าไปผูกโยง ว่าคนตระกูลนี้ผิดไปหมด มันไม่ใช่ ถ้าเขาไม่ทำตามอำนาจหน้าที่ ก็อย่าเหมารวม เพราะมันไม่เป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]