อัยการ-ตำรวจเข้าชี้แจงกมธ.กฎหมายฯ คดีบอส

รัฐสภา 29 ก.ค. -อัยการ-ตำรวจ เข้าชี้แจงข้อมูล กมธ.กฎหมายฯ สภา คดี “บอส อยู่วิทยา” ขอสรุปสำนวน ก่อนแจงอีกครั้งสัปดาห์หน้า ด้าน “โรม” ตั้งข้อสังเกตความสัมพันธ์ ทนายบอสเป็นอดีต ส.ว. ใกล้ชิด “พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ”
ด้านอดีต ผกก.ทองหล่อ ยันมีผลตรวจสารเสพติดในสำนวน ขณะที่จเรตำรวจระบุอย่าว่าแต่สังคมแคลงใจ เพราะตำรวจยังสงสัยคดีนี้


การประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธานการประชุม ได้เชิญตำรวจและอัยการมาชี้แจง คดีนาย วรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ซึ่งผู้เข้าชี้แจงประกอบด้วย พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี ได้รับมอบหมายจากสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีที่เกิดขึ้น มาชี้แจง

พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญและไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะคดีอยู่ในความสนใจของประชาชน


พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อดีตผู้กำกับสน.ทองหล่อ ชี้แจงในฐานะที่เป็นผู้กำกับในขณะนั้นว่า ไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง แต่ได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานโดยใช้เวลาประมาณ 5 เดือนส่งให้อัยการ จากนั้นอัยการขอให้สอบสวนเพิ่มเติมซึ่งตนได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น และ เนื่องจากคดีนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังอยู่ระหว่างการสอบว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องในการดำเนินคดีในครั้งนั้นบ้าง ทั้งนี้ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง ตัวผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการประกันตัว ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และหลังจากสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 26 กันยายน ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการได้นัดหมายเพื่อนำไปฟ้องร้องต่อซึ่งเป็นขั้นตอนของอัยการ

พล.ต.ต.ชุมพล กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุรถชนไม่พบรถคู่กรณีในที่เกิดเหตุแต่มีคราบรอยน้ำมันจึงติดตามไปไม่ถึง 1 กิโลเมตรทราบว่าเป็นบ้านผู้ต้องหา ตอนแรกจะเข้าไปขอค้น ซึ่งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในขณะนั้นเดินทางไปบัญชาการด้วยตัวเอง และคนในบ้านคือนายสุเวช หอมอุบล ได้เดินออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้ขับรถชน จึงนำตัวไปสอบสวน สุดท้ายรับว่าไม่ได้เป็นคนขับ และเมื่อตรวจสอบป้อมตรวจที่บันทึกรถเข้า-ออก พบว่าเป็นทะเบียนรถของบอส ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่านายสุเมธทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านและคนติดตามนายบอส และสุดท้ายสารภาพว่าเป็นหนี้บุญคุณคนในบ้านจึงออกมาสารภาพแทน ซึ่งดูจากห้วงเวลาซึ่งรวดเร็วมากจึงไม่น่ามีเวลาที่จะเตรียมการกันไว้ก่อน

ขณะที่กรรมาธิการสลับกันซักถาม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขั้นตอนการดำเนินคดี ว่าครบถ้วนตามขั้นตอนหรือไม่โดยนายรังสิมันต์ โรม กรรมาธิการได้พยายามซักถามว่า ได้มีการตรวจร่างกายนายวรยุทธหลังก่อเหตุหรือไม่ เหตุใดผลข้อมูลสิ่งแปลกปลอมในร่างกายจึงไม่อยู่ในสำนวนของคดี พร้อมตั้งข้อสงสัยว่านายสมัคร เชาวภานันท์ ที่ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็น ทนายความของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาคดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสน.ทองหล่อ มีความสัมพันธ์ใดกับพล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ เพราะเคยอยู่ในกรรมาธิการเดียวกัน


พล.ต.ต.ชุมพล ชี้แจงถึงกรณีที่กรรมาธิการฯ สงสัยว่าได้มีการตรวจสารเสพติด ในตัวผู้ต้องหาหรือไม่ว่า ในวันนั้นได้ไปที่เกิดเหตุ นำตัวผู้ต้องหาและรถของกลางมาที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และได้ให้ผู้ต้องหาแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการนำตัวไปตรวจร่องรอยบาดแผลที่โรงพยาบาล พร้อมทำหนังสือให้โรงพยาบาลตรวจหาสารเสพติดหรือสารแปลกปลอมทั้งหลายที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งรายงานการตรวจก็อยู่ในสำนวนการสอบสวน ครบถ้วน ส่วนที่ถามว่าทำไมไม่มีการฟ้องตนก็อยากจะเรียนว่าเป็นดุลยพินิจของคณะพนักงานสอบสวนซึ่งมีหลายคน มีเหตุผลจากผู้ชำนาญการอยู่ในสำนวนซึ่งรายละเอียดในส่วนนี้ จะได้ไปให้กับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี หนึ่งใน 7 คณะทำงานตรวจสอบการพิจาณาสั่งคดี กล่าวว่ากำลังตรวจสำนวนในรายละเอียด เพราะบางจุดบางช่วงอาจไม่ตรง จึงขอว่าสัปดาห์หน้าจะมาชี้แจงทั้งหมด และขอยืนยันว่าทำงานมาตั้งแต่ปี 2521 ผู้บังคับบัญชาไม่เคยสั่งให้ฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องและตนไม่เคยรับคำสั่งของใครไม่ว่านักการเมืองท้องถิ่นหรือระดับชาติขอยืนยันว่าพวกตนมีอิสระจริงๆ ส่วนเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนั้น พวกตนทั้ง 7 คนไม่ได้ทำสำนวนคดีเลยจึงขอเวลาตรวจสอบ พร้อมยืนยันไม่ปกป้องใครแต่เป็นการทำงานเพื่อตอบคำถามของสังคม

พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ กล่าวว่า กรณีของการไม่ฟ้องนายวรยุทธนั้น เป็นเรื่องที่ทั้งสังคมและทุกฝ่ายให้ความสนใจ ซึ่งตนก็สงสัยและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็สงสัย ดังนั้นวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งกรรมการ สอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 3 คำสั่ง ตั้งแต่สำนักงานอัยการสูงสุด สํานักงานตํารวจแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีตั้งกรรมการสอบ ดังนั้นหากประชาชนสงสัยในส่วนไหนขอให้คณะกรรมาธิการทำเป็นบันทึกและส่งไปให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อจะได้ตอบข้อสงสัย

นายสิระ ฝากไปกับทางตำรวจและอัยการคลายข้อสงสัยของสังคมและปกป้ององค์กรตำรวจและอัยการ นำผู้ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายมาลงโทษ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจองค์การ มหาชน และกองทุน เสนอให้กรรมาธิการที่เกี่ยวข้องของสภา ทั้ง 3 คณะ คือกรรมาธิการศาลฯ กรรมาธิการกฎหมายฯ กรรมาธิการตำรวจฯ ทำงานร่วมกันเพื่อที่จะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงในคราวเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]