“พีระพันธุ์” พร้อมเป็นนายกฯ

กรุงเทพฯ  8 ส.ค.-“พีระพันธุ์” บอกถ้าปชช.ไว้วางใจพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมทำหน้าที่ผู้นำประเทศ เตรียมแผนแก้ 3 ปัญหาเร่งด่วน ระบุมุ่งทำงาน ไม่เสียเวลาเล่นการเมือง


นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกตั้งขึ้นมาเป็นพรรคกระแสรองว่าถ้าใครที่ตั้งพรรคมาแล้ว คิดแค่จะมาเป็นพรรคกระแสรองเท่านั้น ก็อยู่บ้านไปดีกว่า อย่าคิดมาทำพรรคการเมืองเลย หากคิดจะทำพรรคแล้ว ต้องทำให้พรรคเป็นพรรคการเมืองหลักให้ได้ ตนคิดว่าหากทำพรรคแล้วไม่ได้คิดจะเป็นพรรคการเมืองหลัก นั่นคือไม่ได้คิดจะทำอะไร

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า การคิดแบบนี้ไม่ใช่แนวคิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนที่คนมาถามตนว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ตนขอตอบตรงนี้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะเลือกตั้งมายังไม่รู้เลยว่าตนจะอยู่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แล้วจะพูดได้อย่างไรว่าจะสนับสนุนใคร  แต่การที่ตนได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ต้องพร้อมจะทำงานทุกตำแหน่งอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนมั่นใจเชื่อว่าตนทำได้ เขาให้โอกาสตน ตนก็ต้องทำได้ในตำแหน่งนั้น


“การเมืองนี่เป็นเรื่องประหลาด ไม่ใช่ว่าเรียนกฎหมายต้องทำงานกฎหมาย เรียนหมอจะต้องทำงานหมอ เห็นไหมครับท่านรัฐมนตรีสาธารณสุขวันนี้จบหมอหรือเปล่า ทำไมท่านยังทำได้ เพราะท่านเป็นนักการเมือง ท่านก็ต้องพร้อมจะเป็น เพราะฉะนั้นผมเรียนกฎหมายก็ไม่ได้แปลว่า ถ้าไม่ใช่กฎหมายผมจะทำไม่เป็น ผมเป็นนักการเมือง ผมต้องทำได้ในทุกตำแหน่งหน้าที่ แต่การจะทำตรงไหนอยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสผมแค่ไหน ถ้าประชาชนมั่นใจว่าผมทำตำแหน่งผู้นำประเทศได้ ก็ขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ผมก็เป็นได้” นายพีระพันธุ์ กล่าว

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่พรรคเตรียมแนวทางการทำงานไว้ หากได้รับโอกาสเข้าไปทำงานให้กับประชาชนว่า เรื่องแรก คือเรื่องการดำรงชีวิตของประชาชน ซึ่งประกอบไปด้วย เรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ การดูแลครอบครัวของพี่น้องประชาชน รวมถึงเรื่องลูกหลานจะได้รับการศึกษาอย่างไร ส่วนเรื่องที่สอง คือการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานของประเทศ ราคาน้ำมัน พลังงานสำรอง เรื่องที่สาม คือการสร้างโอกาสการศึกษาที่ต้องเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน เพราะที่ผ่านมาพ่อแม่ต้องมากังวลเรื่องการเรียนของลูก โดยเฉพาะการฝากเด็กเข้าเรียน ซึ่งอนาคตของเด็กเหล่านี้ ทำไมต้องมาอยู่ที่เรื่องการเงินของครอบครัว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข

“นั่นคือสิ่งที่ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติ เห็นว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบทำ ถ้าเรามีอำนาจทางการเมืองที่จะเข้าไปทำได้ก็อยากรีบทำทันที เพราะประชาชนเขาเดือดร้อน เขารอไม่ได้ ผมไม่อยากเสียเวลากับการเล่นการเมือง การถกเถียงกันของนักการเมืองเป็นเรื่องที่ประชาชนเขาไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วยเลย สู้เอาเวลาไปหาทางช่วยเหลือประชาชนจะดีกว่า” นายพีระพันธุ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ