รัฐสภา 9 มิ.ย.-ผลสอบ GT200 กมธ. ติดตามงบนัดแรก มีความเห็นไม่จำเป็นต้องผ่าต่อ เชื่อสามารถนำผลตรวจรอบแรกอนุมานว่าไม่มีประสิทธิภาพทั้งหมด ขณะอัยการสูงสุดแจงจำเป็นต้องตรวจต่อ เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ด้านทบ.ขอทำหนังสือขอความเห็นถึงอสส.อีกครั้งให้ตรวจต่อหรือไม่
นายไชยา พรหมา ประธานกรรมาธิการการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณจ้างตรวจเครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธและวัถตุระเบิด (GT200) ของกองทัพบก โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อมาชี้แจง เช่น ผู้แทนจากกองทัพบก อัยการสูงสุด ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง และผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.)
“กองทัพบกให้เหตุผลว่าเรื่องดังกกล่าวดำเนินากรตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ที่มีคำสั่งให้ตรวจสอบเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินคดี โดยในคำสั่งศาลให้ส่งเครื่อง 757 เครื่องไปให้กับ สวทช. เป็นผู้ตรวจสอบทั้งหมด ซึ่งทางกรรมาธิการสอบถามว่า เหตุใดจึงต้องตรวจทั้งหมด ทั้งที่สวทช.ส่งผลตรวจ GT200 ครั้งแรกในปี 2564 จำนวน 320 เครื่อง ว่าไม่มีประสิทธิภาพคือใช้ไม่ได้จริงไปยังกองทัพบก โดยกรรมาธิการมองว่าผลตรวจครั้งนี้สามารถอนุมานได้ว่า ใช้ไม่ได้ทั้งหมด” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวว่า สำนักงานอัยการสูงสุดยืนยันกับกรรมาธิการว่าจำเป็นต้องตรวจต่อทั้งหมด เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดยังไม่มีคำพิพากษา เพราะยังมีส่วนของบุคคลและผู้ค้ำประกัน และกองทัพบกยืนยันว่าในส่วนของเครื่องที่เหลือในปี 2565 ได้ยกเลิกสัญญาการตรวจ และขณะนี้กองทัพบกได้ทำหนังสือไปยังอัยการสูงสุดเพื่อถามเป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้องตรวจซ้ำหรือไม่ แต่กรรมาธิการให้ความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำแล้ว เพราะสามรถใช้ผลตรวจปี 2564 มาอนุมานได้ และกรรมาธิการได้ขอข้อมูลจาก สวทช.เพื่้อขอทราบผลตรวจในปี 2553 ที่รายงานกับครม.ว่าผลเป็นอย่างไร
“ยืนยันว่ากรรมาธิการจะดำเนินการต่อเนื่องจากมีข้อมูลเชิงลึกว่า แม้จะมีความเสียหายทางแพ่ง แต่ยังกังวลว่าผู้ที่ถูกร้องจะมีขีดความสามารถในการชดใช้ให้รัฐมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการตั้งคณะกรรมการสอบของกองทัพบกในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะกรรมาธิการมองว่าเป็นการซื้อเวลา ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีอำนาจและดำรงตำแหน่งในกองทัพบกในการอนุมัติช่วงขณะนั้นหรือไม่ และหากไม่จำเป็นต้องตรวจต่อ งบประมาณที่เหลือสามารถคืนเงินเข้าระบบตามเดิมได้” นายหชยา กล่าว
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่เปิดประเด็นและอภิปรายในสภาฯ บอกว่าวันนี้ถือเป็นชัยชนะของสภาฯที่ได้มาฟังข้อมูลการชี้แจงจากกแงทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการชี้แจงก่อนหน้านี้ไม่ตรงกับข้อมูลในวันนี้เลย จึงตั้งข้อสังเกตว่า อัยการสูงสุดขอให้ตรวจเครื่องทั้งหมด 757 เครื่องจริงและการที่ถอนอุทธรณ์ของจำเลยอัยการสูงสุดได้แจ้งผลไปกับกองทัพบกแล้วแต่ยังไม่ระงับยับยั้ง ตรวจส่วนที่เหลือซึ่งเมื่อถามทางอัยการสูงสุดแจ้งกับกรรมาะฺการว่า เป็นการแจ้งอย่างไม่เป็นทางการ ไม่มีลายลักษณ์อักษร และสวทช.ไม่ได้แนะนำกองทัพเพื่อให้ประหยัดงบในการตรวจเลย.-สำนักข่าวไทย