ทำเนียบรัฐบาล 12 ต.ค.- “ไชยา” ลั่น ก.เกษตรฯ เอาจริง สั่ง “ปศุสัตว์” เอกซเรย์ห้องเย็น-กระบวนการนำเข้าเนื้อสัตว์ทั่วประเทศ หลังเจ้าหน้าที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะเข้าตรวจค้นที่ อ.หล่มสัก เผยก่อนปฏิบัติการแจ้งขอกำลัง ตร. แต่ถูกปฏิเสธ แฉเจ้าของใช้อิทธิพลเรียกตำรวจมาเคลียร์ 4 นาย
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าวกรณีขบวนการลักลอบค้าเนื้อสัตว์เถื่อน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ถูกยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บ ขณะนำกำลังเข้าตรวจห้องเย็นต้องสงสัยในพื้นที่อ. หล่มสัก จ. เพชรบูรณ์ โดยนายชัย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานคือการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อน มีทั้งเนื้อวัว เนื้อกระบือ เนื้อควายเถื่อน เนื้อหมูเถื่อน ซึ่งสร้างปัญหาเรื้อรังทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบ ในแง่สุขภาพและโรคระบาดของสัตว์ ซึ่งในระหว่าง 1 ถึง 2 วันที่ผ่านมาได้มีการตรวจจับ ผู้กระทำผิดรายใหญ่ มีการลักลอบนำเข้าเนื้อเถื่อนเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา และก็ทำให้เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ถูกทำร้าย ระหว่างดำเนินการอายัด จนเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นยืนยันว่านโยบายการปราบปรามเนื้อเถื่อนรัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังมาก โดยนายกรัฐมนตรี ได้กำชับ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วย ไปกำกับดูแลกรมปศุสัตว์ ให้ดำเนินการจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
ด้านนายไชยา กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายเรื่องนี้ให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเราก็ได้มีการดำเนินการเป็นขั้นตอนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำร้ายของตู้คอนเทนเนอร์ที่ตกค้าง ที่อำเภอแหลมฉบัง และเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ก็ได้มีการตรวจค้นห้องเย็น ที่จังหวัดปทุมธานี ปรากฏว่าได้พบการนำเข้าเนื้อกระบือจากต่างประเทศ ผ่านมาตามช่องทางทางชายแดน ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้(11 ต.ค.) ก็มีเจ้าหน้าที่ ได้เข้าทำการตรวจค้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ปรากฏว่าก็มีการปะทะกันสร้างความไม่พอใจให้ผู้ประกอบการต้องใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ของรัฐเสียชีวิต และบาดเจ็บ
“ขอเรียนว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์นั้นเขาเป็นสัตวแพทย์เป็นสัตวบาล เขาไม่มีอาวุธ มีเพียงแค่อำนาจหน้าที่ที่ทำโดยสุจริต ต้องการที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ อยากจะปกป้องประชาชน และตนทราบว่าก่อนที่จะเข้าในที่เกิดเหตุก็มีการประสานงานไปยังฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฏิเสธในการเข้าร่วม ในการตรวจค้นอย่างเป็นทางการ และตนก็ได้รับรายงานว่าในขณะที่เกิดเหตุนั้นได้มีการเรียกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ เข้ามาเจรจาต่อรอง 4 นาย เนื่องจากว่าผู้ประกอบการนั้นอาศัยอิทธิพลในท้องถิ่น มีความรู้จักกับผู้ที่มีอำนาจในพื้นที่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ปกติ ไม่ใช่อิทธิพลท้องถิ่นธรรมดา เพราะฉะนั้นการสูญเสียชีวิตของบุคลากรอันสำคัญ ในฐานะที่เป็นข้าราชการคนหนึ่งที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการในการนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อน เป็นการกระทำแบบมีเครือข่ายเชื่อมโยงกันมากมาย” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ตกค้างอยู่ที่อำเภอแหลมฉบังมีตกค้างอยู่อีกประมาณ 60 กว่าตู้ และก็กำลังเป็นคดีอยู่ในขณะนี้ วันนี้ถึงเวลาที่จะต้องเปิดตู้เพราะเกินระยะเวลาและมีผู้ร้องว่ากรมปศุสัตว์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจจะฟ้องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำมาตรา 157 วันนี้ทางอธิบดีกรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ได้ไปดำเนินการที่จะเปิดตู้เพื่อที่จะรู้ถึงสิ่งผิดปกติ โดยขอความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคง และกรมศุลกากร รวมถึง DSI แต่ครั้งนี้กลับมีการปฏิเสธจากหน่วยงานที่ขอความร่วมมือให้เข้าร่วม ที่จะเปิดเผยของการที่ถูกจับได้
“ขอเรียนว่าจากนี้เราจะเอกซเรย์กระบวนการที่ทำผิดกฎหมาย ในการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกร เนื้อวัวเนื้อควาย แม้กระทั่งของการประมงเองก็ตาม ต้องเอกซเรย์ห้องเย็นทั่วประเทศ โดยสั่งการให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการพร้อมประสานขอความร่วมมือกองกำลังความมั่นคง ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวว่า จะรีเช็คย้อนหลังว่ามีการนำเข้าเนื้อสัตว์จากด่านที่ไหน และมีการสำแดงภาษีถูกต้องหรือไม่ เพราะกระบวนการที่จะสามารถผ่านด่านมาได้ต้องผ่านด่านกักกันโรคของปศุสัตว์มาก่อน และด่านศุลกากร หรือบางพื้นที่จะต้องมีการผ่านด่านชั่งน้ำหนักของทางหลวงมาด้วย ดังนั้นตนจึงขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราต้องช่วยกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เล็ดรอดออกมา.-สำนักข่าวไทย