“วิโรจน์” นำทีมผู้สมัคร ส.ก. ก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัย Flash meet

กทม. 24 เม.ย.- ‘วิโรจน์’ นำทีม 15 ผู้สมัคร ส.ก. พรรคก้าวไกล ฝั่งธนบุรี จัดเวทีปราศรัย Flash meet ชู เหตุผลที่ต้องเลือก ผู้ว่าฯ และ ส.ก. จากก้าวไกล พร้อมเปิดวิสัยทัศน์การวิธีการหางบประมาณ เพื่อไปสร้าง เมืองที่ ‘คนเท่ากัน’


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นเมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศรัยย่อย หรือ ‘Flash meet’ บริเวณใต้สะพานพระราม 8 พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพ (ส.ก.) ฝั่งธนบุรี ทั้ง 15 เขต ซึ่งเป็นการปราศรัยรูปแบบมาไว ไปไว ไม่ยืดเยื้อ เพื่อให้สอดคล้องไลฟ์สไตล์คนกรุงเทพ

นายวิโรจน์ เริ่มปราศรัยว่า หากมองด้วยมาตรฐานของสภาใหญ่ที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ทำไว้ในเรื่องการตรวจสอบการใช้งบประมาณ คนกรุงเทพฯกควรเลือก ส.ก. จากพรรคก้าวไกล เข้าไปทำหน้าที่ปกป้องภาษีที่มาจากประชาชน และเพื่อไปผลักดันให้มีการนำภาษีไปใช้เกิดประโยชน์สูงที่สุด เพราะตนเชื่อว่า ส.ก. ก้าวไกลจะสร้างมาตรฐานสภากรุงเทพให้เทียบเท่ากับสภาผู้แทนราษฎรได้


“งบประมาณกรุงเทพฯ รวมๆกันแล้วมีมากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี ส.ก. มีหน้าที่ดูแลเงินภาษีของพวกท่าน หากพูดแบบภาษาชาวบ้าน ถ้า ส.ก. เฮงซวย เงินภาษีของจะถูกใช้ไปแบบเฮงซวย ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่ต้องเลือก ส.ก. จากพรรคก้าวไกล” นายวิโรจน์ กล่าว

นาววิโรจน์ ยังกล่าวว่า นโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะผู้สมัครผู้ว่าฯ คนไหนโฆษณาไว้อย่างไร ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เงินจากงบประมาณทั้งสิ้น ผู้ว่าฯ ในฐานะที่เป็นผู้บริหารของเมือง เป็นคนที่กรุงเทพจ้างมาเป็น CEO หน้าที่แรกคือ การหาเงินงบประมาณ หากผู้ว่าฯ ไม่บอกวิธีการหาเงิน นโยบายต่างๆที่โฆษณาจะไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน การปราศรัยในครั้งนี้จึงต้องการมาบอกว่า กรุงเทพมหานครจะหาเงินได้อย่างไร

นายวิโรจน์ กล่าวว่า กรุงเทพฯจะมีงบประมาณเพิ่มได้จากการเก็บภาษีสิ่งปลูกสร้าง หรือแต่เดิมเรียกว่าภาษีโรงเรือน ซึ่งกรุงเทพมีตึกรามบ้านช่องมากมาย แต่ที่ผ่านมาเก็บภาษีสิ่งปลูกสร้างได้เพียง 5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งความจริงแล้วกรุงเทพสามารถตั้งเป้าหมายการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้มากกว่าเดิมอีก 10,000 ล้านบาทต่อปี แต่ที่ผ่านมาทำไม่ได้เพราะว่า ที่ดินบางแห่งย่านใจกลางเมืองหรือย่านธุรกิจจะถูกทำให้เป็นที่ตาบอด เพื่อทำให้ที่ดินตรงนั้นราคาประเมินถูกลง เพื่อทำให้เสียภาษีถูกลง


“เราจะไม่เห็นสภาพการณ์แบบนี้เกิดกับเมืองดังๆ ทั่วโลกเลย แต่เราเห็นได้ที่กรุงเทพ และที่ประเทศไทย ผมคิดว่าผู้ว่ากรุงเทพต้องกล้าออกข้อบัญญัติหรือระเบียบในการจัดการเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่อ่อนข้อให้นายทุนคนตัวใหญ่ หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะถึง 7,000 ล้านบาท แต่เก็บภาษีจากขยะได้เพียง 500 ล้านบาทต่อปี ในเรื่องนี้ก็สามารถตั้งเป้าในการเก็บค่าขยะจากนายทุนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นจากห้างสรรพสินค้าหรือคอนโดหรู เพื่อนำเข้ามาเป็นภาษีเพิ่มได้อีก 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีภาษีจากป้ายบิลบอร์ดที่มีมูลค่ามหาศาลและป้ายอิเล็กทรอนิกส์ทั่วกรุงเทพ ที่ยังไม่มีระเบียบจัดเก็บได้อย่างชัดเจน ก็จะสามารถเก็บภาษีจากป้ายได้เพิ่มอีก 1,000 ล้านบาท

“เมืองนี้จะต้องขับเคลื่อนด้วยการบริจาคไปอีกนานแค่ไหน แม้ว่าการบริจาคจะไม่ใช่ปัญหา แต่เราจะน้ำท่วมปากปิดตาข้างเดียว ยอมให้คนตัวใหญ่ตีตั๋วเด็ก หลบเลี่ยงภาษีแล้วเอาเปรียบคนกรุงเทพแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ หากเป็นแบบนี้ต่อไปเมืองนี้จะน่าอยู่เฉพาะกับคนที่มีเงินหรือมีเส้นสาย แต่จะไม่น่าอยู่สำหรับคนจน คนตัวเล็กตัวน้อยที่ทำมาหากิน เราขาดทุนกับประชาชนได้ แต่ขาดทุนกับนายทุนใหญ่ไม่ได้ และถ้ามีผู้ว่าฯชื่อ วิโรจน์ จะสามารถเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ เพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 13,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำไปจัดเป็นสวัสดิการและขับเคลื่อนทั้ง 12 นโยบาย เพื่อให้กรุงเทพเป็นเมืองที่คนเท่ากันให้ได้” นายวิโรจน์ กล่าว

นางวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สวัสดิการที่ต้องการจะสร้างขึ้นไม่ใช่การสงเคราะห์ ทั้งยังจะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และดีสำหรับทุกคนทั้งคนตัวเล็กและคนตัวใหญ่ ถ้าไม่เริ่มทำ ‘รัฐสวัสดิการ’ ไม่คืนความเป็นธรรมให้กับเมือง ต่อให้เศรษฐกิจดี แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่ก็จะถูกคนตัวใหญ่สูบเอาไป และเอารัดเอาเปรียบ นี่คือสิ่งที่ หากผู้ว่าชื่อ วิโรจน์ ต้องการจะทำ ทำแล้วจะเปลี่ยนแปลงเลย จะไม่วนลูปกลับมาเจอกับปัญหาเดิมๆอีก

ขณะที่นายนิธิกร บุญยกุลเจริญ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางบอน เบอร์ 2 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนเชื่อว่า สิ่งที่คนกรุงเทพมองเห็นตรงกันคือ เมืองนี้ควรมีเท่าเทียมกัน เป็นเมืองที่ทันสมัย มีการนำเทคโนโลยีมาแก้ไขปัญหาต่างๆ และการลงทุนในเทคโนโลยีที่มากพอก็คือ การลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นได้จริง

“ผมอยากเห็นกรุงเทพเป็นท้องถิ่นที่เปิดเผยและโปร่งใส กทม.มีงบต่อปีประมาณ100,000 ล้านบาท แต่ทุกครั้งเราจะรู้ข้อมูลเป็นข่าวแค่บอกว่า งบนี้เอาไปใช้โครงการแบบนี้ ตอนนี้ผ่านสภาแล้ว เราอยากเห็นประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่านั้น ยกตัวอย่างข่าวหนึ่งที่ผมไปเจอ มันสะท้อนว่า บทบาทของสภา กทม. ที่ผ่านมา ควรตั้งใจทำเพื่อลงทุนในเทคโนโลยีและการศึกษามากกว่านี้ ข่าวบอกว่าเมื่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งชาติ ไปสุ่มตรวจ 21 โรงเรียนในสังกัด กทม. กลับพบว่ามีโรงเรียนที่มีคอมพิวเตอร์ไม่พอมากถึง 20 โรงเรียน หรือก็คือแทบทั้งหมด เหล่านี้ควรเป็นเรื่องที่ สภา กทม.สามารถกำกับติดตามเพื่อให้ฝันของคนกรุงเทพเป็นจริงได้มากกว่านี้” นายนิธิกร กล่าว

ด้าน นายทันธรรม วงษ์ชื่น ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกอกน้อย เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการลงพื้นที่มา 2 ปีกว่า กทม. สูญเสียงบปีละ 80,000 ล้านบาท ถามว่าคนกรุงเทพได้อะไร เวลาเจ็บป่วย รวมถึงโควิดทุกคนทำอย่างไร ในฐานะที่ตนทำงานอาสาในช่วงโควิด สิ่งที่เห็นคือ การต้องอ้อนวอน ร้องขอ เสียเงินเสียทองเพื่อให้ได้เตียงและยารักษา ทั้งที่ในเวลานั้น กทม. ไม่ใช่ไม่มีงบประมาณ หรืออย่างน้อยก็ยังมีงบกลางอยู่ 14,000 ล้านบาท

“งบแสนล้านกับงบกลางกว่าหมื่นล้านเอาไปทำอะไรหมด นี่คือเหตุผลว่าทำไม ส.ก. จึงมีความสำคัญในฐานะตัวแทนการตรวจสอบ เพื่อให้การใช้เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ผมได้คุยกับประธานชุมชนหลายชุมชนที่ต้องดูแลคนเป็นร้อยๆคน แต่เขามีงบเบิกจ่ายได้แค่ 8,000-10,000 บาท ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่คนกรุงเทพฯ ต้องเลือก ส.ก.และผู้ว่าฯที่มีความเด็ดเดี่ยว ไม่เอาใจนายทุนเป็นที่ตั้ง และไม่ต้องสนใจว่าคนนั้นจะมีอำนาจมากขนาดไหน แต่สำคัญคืออย่ามายุ่งกับภาษีประชาชน ผมอยากให้พวกท่านลองให้โอกาสพวกเราเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดสรรงบประมาณ ผมมั่นใจว่าพวกเราจะทำให้ท่านเห็นว่า เราไม่ได้ต้องการแค่เปลี่ยนตัวผู้บริหาร แต่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างที่มันเน่าเฟะ ไปรื้อมันออกมาทั้งหมดเพื่อทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่ดีขึ้นได้จริง” นายทันธรรม กล่าว

ทั้งนี้ นายทันธรรม ยังกล่าวด้วยว่า หากใครเคยไปไปต่างประเทศ เวลาดูว่าประเทศไหนเจริญ สิ่งที่พูดถึงคือ ทางเท้าดี น้ำเสียไม่มี น้ำฟรีกินได้ มีความปลอดภัย ขนส่งสะดวก แต่เวลาบอกว่า กรุงเทพฯเจริญดูจากอะไร กลับต้องดูว่ามีห้างหรือยัง คอนโดมีไหม มีร้านสะดวกซื้อติดแอร์หรือเปล่า

“เราถูกหลอกมาตลอดให้ดูจากเรื่องเหล่านี้ ทั้งที่ความเจริญต้องดูจากชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน ไม่ใช่ดูจากวัสดุสิ่งของที่นายทุนเอามาลงแล้วเพิ่มมูลค่าให้เขา ทั้งยังไปขยายความเหลื่อมล้ำให้เกิดขึ้น กรุงเทพฯ ต้องแก้ปัญหาด้วยการทำให้คนเท่ากันก่อน เมื่อคนไม่เท่าเทียมกัน การบังคับใช้กฎหมาย ไม่เท่ากัน การจัดสรรงบไม่เท่าเทียมกัน การแก้ไขดูแลต่างๆก็จะไม่เท่าเทียมกัน เวลาฝนตกน้ำท่วม ถามว่าเคยเกิดหน้าห้าง หน้าคอนโดหรูหรือไม่ ฟุตบาทเรียบก็มีแต่หน้าห้าง ผมอยู่บางกอกน้อยมา 30 ปี ทำไมหน้าบ้านฟุตบาทเละเทะตลอด หรืออย่างร้านก๋วยเตี๋ยว เมื่อก่อนบางกอกน้อยมีก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆเยอะมาก แต่ตอนนี้หายหมด กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือแต่ต้องไปตามกินในห้าง เพราะคนอยู่ที่นั่น ถามว่าเพราะอะไร เพราะสะดวก สะอาด ปล่อยภัย คำถามต่อไปก็คือ แล้วทำไมเราจะทำพื้นที่อัตลักษณ์ชุมชนให้มีความสะดวก สะอาด ปลอดภัย เพื่อให้คนเข้ามาบ้างไม่ได้ งบ 80,000 ล้านบาทของกรุงเทพ จะเอามาพัฒนาชุมชนบ้างไม่ได้เลยหรือ ผมเชื่อว่าทำได้ แต่อยู่ที่ว่าจะเลือกใครเข้าไปทำสิ่งเหล่านั้น” นายทันธรรม กล่าว

นายอำนาจ ปานเผือก ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค เบอร์ 6 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า นโยบายที่อยากทำคือ ชุมชนพึ่งตนเองหรือมีสิทธิทำอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องไปร้องขอผู้มีอำนาจ ผู้ว่าฯมีงบกลาง 14,000 ล้านบาท แล้วเอาไปทำคลองเล็กๆ ถามว่าชุมชนได้อะไร แทนที่จะเอางบประมาณส่วนนี้ไปหนุนเพื่อทำให้สวัสดิการเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการดีกว่านี้ได้หรือไม่

“นโยบายหากผู้ว่าฯ คือนายวิโรจน์ งบที่ผู้ว่าฯถือไว้ อย่างน้อย 4,000 ล้านบาท จะถูกกระจายออกไปให้ชุมชนทั่วกรุงเทพกว่า 200 ชุมชน ซึ่งมีประชากรกว่า 2,000,000 คน หรือมากกว่า 50,000 ครัวเรือน เงิน 500,000 – 1,000,000 บาท จะลงไปที่ชุมชนเพื่อคิดเองทำเองได้ ถนน สะพาน ทางเท้า ระบบรักษาพยาบาล จะสามารถใช้งบตรงนี้ไปจัดการปัญหาของตัวเองได้ทันที ไม่ใช่งบที่ไม่อยากได้ แต่อยู่ๆใส่ลงมา ถังดับเพลิงบ้าง เก้าอี้บ้าง แล้วบังคับให้ชุมชนเซ็นรับ ถ้าผู้ว่าชื่อวิโรจน์ จะไม่มีแบบนี้อีกต่อไป” นายอำนาจ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.

รัฐสภา 31 พ.ค. – เปิดชื่อ “73 อรหันต์” ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 69 ประชุมนัดแรก 9 มิ.ย.นี้ เคาะประธาน-รองประธาน วางกรอบการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2. นายจักรพงษ์ แสงมณี 3. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ […]

สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง

รัฐสภา 31 พ.ค.- สภาวุ่น! งูเห่าไทยสร้างไทย เสนอชื่อ กมธ.งบฯ แข่ง ประธานสั่งพักประชุม 5 นาที สุดท้ายงูเห่ายอมถอย ไปอยู่สัดส่วน ครม.แทน การประชุมสภาผู้แทนราษฎรหลังที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณางบประมาณรายจ่ายงบประมาณ 2569 ในขั้นตอนการเสนอชื่อกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 73 คน ในสัดส่วนของพรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1 คน โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และ สส.พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย ขณะที่นางสุภาพร สลับศรี สส.พรรคไทยสร้างไทย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ทำให้เกิดการประท้วงกันเนื่องจากมีการเสนอชื่อ 2 คน แต่ปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีหนังจากกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอชื่อนายชัชวาล เป็นตัวแทนของพรรคทำให้นายฐากูร ยืนยันว่าที่ผ่านมาการเสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมาธิการวิสามัญจะต้องถูกเสนอโดยคนของพรรคตัวเอง ไม่ใช่พรรคอื่น ซึ่งวันนี้พรรคไทยสร้างไทยเสนอชื่อตน แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเสนอชื่ออีกคน ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ใครจะเป็นผู้เสนอชื่อก็ได้ขอแค่มีผู้รับรอง ก่อนจะให้เวลาทั้ง 2 ฝ่ายหารือกัน […]

“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่

รัฐสภา 31 พ.ค.-“ชาดา” ปลุกรัฐบาล ถ้าไม่แจกเงินหมื่น “นายกฯ เท้ง” มาแน่ ลั่นถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัว เอาคนอื่นไปนั่งแทน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก นายชาดา กล่าวว่างบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง […]

ฝากขังพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก

นครราชสีมา 30 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวพระเอกลิเกฆ่าลูกเลี้ยงป่วยออทิสติก และขืนใจลูกวัย 11 ขวบ ฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา อ้างวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหและมึนเมาสุรา จึงก่อเหตุ ความคืบหน้ากรณีพ่อเลี้ยงพระเอกลิเกสุดโหดใช้ค้อนสำหรับทุบหมู ทำร้ายลูกเลี้ยงนางเอกลิเกที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก จนบาดเจ็บเลือดคั่งในสมอง ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครราชสีมาบุกรวบตัวผู้ต้องหาคือ นายกิติทัช อายุ 48 ปี พระเอกลิเกชื่อ “รักยิ้ม ทับทิมสยาม” พ่อเลี้ยง ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ขณะผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีไปประเทศกัมพูชา ก่อนจะควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ เช้าวันนี้ (30 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา คุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล จนผู้ต้องหา ยอมให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง อ้างว่าในวันเกิดเหตุถูกผู้ตายด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโห พร้อมกับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหากระทำอนาจารต่อลูกสาววัย 11 ขวบ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐาน หากตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลจังหวัดนครราชสีมา […]

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับ 6 ผู้ต้องหาปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ชน รปภ.ดับ

กทม. 2 มิ.ย. – ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาปล้นบุหรี่ไฟฟ้าในโกดังกรมศุลกากร ก่อนขับรถชน รปภ.ดับ ด้านพนักงานสอบสวนหิ้วนายเจ ทำหน้าที่รับของโจร ไปฝากขังศาล เจ้าตัวฝากถึงเพื่อนรัก “เจอที่ไหน ตายแน่” ความคืบหน้าล่าสุดที่ สน.ท่าเรือ มีรายงานว่าเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) ตำรวจสามารถคุมตัวนายดิศรณ์ หรือ นายเจ อายุ 41 ปี ซึ่งมีหน้าที่รับฝากของจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ 6 คนมาสอบปากคำ และแจ้งข้อหารับของโจร โดยจากการสอบปากคำนายเจ ทำให้สามารถขยายผลไปถึงผู้ก่อเหตุอีก 6 คนได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไปยื่นขอศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งหมด 6 คน ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่มกันบุกรุก และมีข้อหาอื่นๆ อีกที่ต้องพิจารณา ซึ่งตำรวจเชื่อว่าตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 6 คน ยังอยู่ในกรุงเทพมหานคร ไม่ได้หลบหนีไปไหน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 6 อยู่ หากหมายจับออกก็จะสามารถจับกุมบางรายได้ทันที ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดนั้นสามารถได้ภาพแค่ตอนที่ชนผู้ตาย แต่ไม่สามารถจับภาพขณะปล้นได้ ส่วนกรณีที่จะมีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น มีรายงานว่าไม่มี […]

ปศุสัตว์สระแก้วร่วมสอบสวนโรค “แอนแทรกซ์” หลังพบผู้ป่วยยืนยันรายแรกของจังหวัด

สระแก้ว 2 มิ.ย.​ – สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว เตรียมลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งสอบสวนโรคแอนแทรกซ์ หลังได้รับแจ้งพบผู้ป่วยรายแรกของจังหวัด​ เบื้องต้นยังไม่พบสัตว์ป่วยตายผิดปกติในพื้นที่ แต่วางมาตรการควบคุมเข้มงวดป้องกันและควบคุม​โรคในสัตว์ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้วว่า วันนี้ (2 มิถุนายน 2568) ได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้วและสำนักงานปศุสัตว์เขต 2 ลงพื้นที่สอบสวนโรค หลังพบชายอายุ 53 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในอำเภอเมืองสระแก้ว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ด้วยอาการตุ่มแผลตามร่างกาย และได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่าติดเชื้อ Bacillus anthracis สาเหตุของโรคแอนแทรกซ์ จากข้อมูลเบื้องต้น ผู้ป่วยมีพฤติกรรมชอบบริโภคเนื้อดิบเป็นประจำ เช่น ลาบ ก้อย ซอยจุ๊ ซึ่งเป็นเนื้อที่ซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่เพื่อแบ่งกันรับประทานร่วมกับเพื่อนบ้าน และมีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นประจำ โดยไม่มีประวัติเลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้อง ไม่มีประวัติสัมผัสสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ และไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค แม้ในพื้นที่จะยังไม่พบรายงานสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ แต่เพื่อความไม่ประมาท สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้วได้วางมาตรการควบคุมเข้มงวด โดยร่วมสอบสวนโรคในพื้นที่เสี่ยง เก็บตัวอย่างสัตว์และสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเรื่องอันตรายของการบริโภคเนื้อดิบ ขณะเดียวกัน ได้ประสานด่านกักกันสัตว์จังหวัดสระแก้วเตรียมน้ำยาฆ่าเชื้อและรถพ่นน้ำยาทำลายเชื้อโรค […]

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

สระแก้วพบผู้ป่วยติดเชื้อแอนแทรกซ์รายแรก

สระแก้ว 2 มิ.ย.- สระแก้วพบผู้ป่วยแอนแทรกซ์รายแรก ซักประวัติชอบกินก้อย-ซอยจุ๊-เนื้อดิบ จนท.เตรียมลงพื้นที่สอบสวนโรคเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเชื้อ นายแพทย์ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์รายแรกของจังหวัด เป็นชาย อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้างตัดไม้ อยู่ที่ตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จังหวัดชลบุรี ด้วยอาการตุ่มแผลบริเวณศีรษะ ด้านหลังคอ แขน และขา การตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อแอนแทรกซ์ จากการซักประวัติพบว่า ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเสี่ยง คือ ดื่มสุราทุกวัน และชอบบริโภคก้อย ซอยจุ๊ เนื้อดิบเป็นประจำ ล่าสุดได้รับประทานเนื้อดิบเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าผู้ป่วยติดเชื้อจากการบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยที่ไม่ได้รับการปรุงสุก วันนี้ (2 มิถุนายน 2568) จะลงสอบสวนโรคเพื่อเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัสเชื้อ เน้นย้ำให้ประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้วและพื้นที่ใกล้เคียง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการสัมผัสโค กระบือ แพะ แกะ ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ล้างมือและชำระล้างร่างกายหลังสัมผัสสัตว์ เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย บริโภคอาหารที่ปรุงสุก ร้อน และสะอาดเท่านั้น หากพบสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ […]