7 ส.ค. – สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ร่วมกับ 15 หน่วยงานเจ้าภาพร่วม ได้แก่ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี SEAMEO STEM-ED และหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดการประชุมการวิจัยทางการศึกษาระดับชาติและนานาชาติ ประจำปี 2568 Thailand International Conference on Education Research :ThaiCER 2025 “The Education for the Future”
รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า จัดการประชุมการวิจัยทางการศึกษาระดับชาติและนานาชาติครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้เห็นถึงความจำเป็นในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้มั่นใจว่าการศึกษาเป็นกำลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมโลก ปัจจุบันเราเผชิญกับความท้าทายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนแปลงทางประชากร และความไม่เท่าเทียมทางสังคม ดังนั้น ระบบการศึกษาทั่วโลกจำเป็นต้องมีการปรับและพัฒนา แต่การเปลี่ยนแปลงการศึกษาในครั้งนี้ จะต้องมีข้อมูลการวิจัยเป็นตัวชี้นำ มิฉะนั้นแล้วจะไม่สามารถสร้างนโยบายที่มีประโยชน์ และไม่สามารถทำให้การศึกษาไปในทางที่เหมาะสมได้
รศ.ดร.ประวิต กล่าวต่อว่า ประเทศได้ใช้แผนยุทธศาสตร์การศึกษา 20 ปี หรือ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ที่มุ่งพัฒนาให้ประเทศไทย เป็นสังคมแห่งปัญญา พัฒนาอย่างยั่งยืน มีความยืดหยุ่น สามารถแข่งขันได้ สอดคล้องกับสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังนั้นการสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรวบรวมข้อมูลและมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
“ThaiCER 2025 มีเป้าหมายสำคัญคือ การนำเอาประสบการณ์ของนานาชาติ นำบทเรียนของหลายๆประเทศ มาทบทวนการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาผ่านงานวิจัย ซึ่งมีวิทยากรที่สำคัญ เช่น ตัวแทนจาก OECD ที่ไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่สำคัญอีกหนึ่งเป้าหมาย คือ เราต้องการยกระดับคุณภาพงานวิจัยทางการศึกษาของประเทศ เมื่อเร็วๆนี้ สกศ. และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกันจัดตั้ง สมาคมการวิจัยด้านการศึกษา หรือ “Thailand Education Research Association” เพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ สหพันธ์สมาคมการวิจัยด้านการศึกษาโลก (World Education Research Association หรือ WERA) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญทางการศึกษา และเป็นโอกาสดีที่เราได้เรียนรู้จากประเทศต่างๆทั่วโลก” รศ.ดร.ประวิต กล่าว
รศ.ดร.ประวิต กล่าวว่า ทั้งนี้ การวิจัยถือเป็นกลไกสำคัญในการกำหนดนโยบายทางการศึกษา ขณะเดียวกันงานวิจัยต้องมีมาตรฐาน ซึ่ง WERA เป็นสมาคมที่รวมสุดยอดนักวิจัยทั่วโลก ซึ่งการที่เราจะยกระดับงานวิจัยของไทย ต้องทำ 2 ส่วนคือ 1.ศักยภาพ คือ นักวิจัย และ 2.คุณภาพของงานวิจัย การที่ไทยเข้าไปอยู่ในWERAจะทำให้มีช่องทาง เอามาตรฐานของWERA มาเทียบเคียงและสนับสนุนนักวิจัยในไทย ถือเป็นกลไกสำคัญที่ สกศ. ในฐานะเป็นหน่วยงานในการกำหนดนโยบาย เพราะนโยบายคุณภาพต้องมาจากงานวิจัยที่มีคุณภาพ. -416-สำนักข่าวไทย