ทำเนียบรัฐบาล 25 มี.ค. – รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ลอตเตอรี่แพง ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนโดยเร็วที่สุด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนในปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ระบาดหนักในปัจจุบัน และมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ได้กำชับสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางเสริมภูมิความรู้ให้กับประชาชนด้วย ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ประสานทางการกัมพูชา เข้าทลายออฟฟิศใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใจกลางเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันนี้ 20 มีนาคมที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหา 28 ราย เป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับไว้แล้วทั้งหมด ช่วยเหลือเหยื่อคนไทย 5 ราย และอยู่ระหว่างคัดแยกว่าเป็นเหยื่อหรือผู้ต้องหาอีก 28 ราย รวม 61 ราย หลังสืบทราบว่าหลอกเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ และพนักงานบริษัทขนส่ง DHL FedEX มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงินจำนวนมาก ซึ่งทีมสืบสวนได้ประสานขอความร่วมมือกับตำรวจประเทศกัมพูชา สืบสวนจนทราบฐานปฏิบัติการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้
นายธนกร กล่าวอีกว่า ภาครัฐยังได้เดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาลอตเตอรี่แพง โดยเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เข้าตรวจค้นตามหมายค้นศาลอาญา ที่บริษัท มังกรฟ้า ล็อตเตอรี่ จำกัด สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี ภายหลังสืบสวนจนทราบว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้รับการจัดสรรโควตา แล้วมีการกว้านซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากผู้ได้รับโควตาผู้ค้ารายย่อยและบุคคลทั่วไป มากกว่า 2 ล้านฉบับ แล้วนำเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์มมังกรฟ้า เสนอขายหรือแทรกแซงกลไกราคา จนทำให้ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมูลค่าสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยพบเงินหมุนเวียนนับ 100 ล้านบาท
“นายกฯ ติดตามทุกปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยได้กำชับเดินหน้าแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาให้มีผลดำเนินการเป็นรูปธรรม พร้อมย้ำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงาน ขยายผลปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ระบาดหนักในปัจจุบัน ให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยเฉพาะการสูญเสียทรัพย์สินจากการถูกหลอกลวง พร้อมฝากเตือนสติถึงผู้ที่คิดจะทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชน ทั้งที่มีฐานอยู่ในไทยและต่างประเทศ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีบทลงโทษสูง หากมีฐานปฏิบัติการอยู่ต่างประเทศ เมื่อถูกจับกุมจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศนั้นก่อน แล้วจะถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายไทยทุกราย” นายธนกร กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากย้ำเตือนประชาชนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อ หากพบเบาะแสอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์ PCT 081-8663000 หรือสายด่วนกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) 1441 หรือ www.pct.police.go.th ตลอด 24 ชม. หรือผู้เสียหายสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com. – สำนักข่าวไทย