รัฐบาลให้ความสำคัญพัฒนาคน

ทำเนียบรัฐบาล 24 มีค-นายกฯ ปธ.ลงนาม 7 กระทรวงร่วมดูแลคนตลอดช่วงชีวิต ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บอกตัวเอง-ทุกคนอย่าท้อ จะทำงานให้ดีที่สุด ขอโทษที่ก้าวก่ายการงานเพื่อไปถึงเป้าหมาย


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565 – 2569 โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมร่วมพิธี

นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “มั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนการพัฒนาคนตลอดชีวิต” ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญการพัฒนากำลังคนของชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ เป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ การพัฒนาคนทุกช่วงวัย ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนอย่างรอบด้าน วันนี้เน้นอยู่ 2 กลุ่มคือเด็กปฐมวัยและกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะเสริมศักยภาพให้ได้เพื่อให้เท่าเทียมกันทุกมิติ


“วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กเพราะฉะนั้นใครจะสร้างให้ได้ก็ต้องคนรุ่นเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือพ่อ แม่ ครอบครัว ญาติ พี่ น้อง และนำไปสู่โรงเรียนและสังคม เพราะฉะนั้นถ้าไม่สร้างภูมิคุ้มกันตรงนี้ เราจะไม่พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์โลกต่อไป เมื่อต้องการผลลัพธ์พลเมืองที่มีคุณภาพ มีคุณค่าต่อสังคม จากเด็ก มาสู่การโตเป็นผู้ใหญ่มีงานทำ มีจิตสำนึก ที่ดีเผื่อแผ่แบ่งปัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ต่อจากนั้นเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจจะมีความลำบากในเรื่องการใช้ชีวิต อาชีพรายได้ ซึ่งคงจะต้องดูแลตรงนี้ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อสังคมและครอบครัวต่อไปในอนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยในปีหน้า จำนวนตัวเลขผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะเป็นภาระที่เด็กเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องดูแลและแก้ไขปัญหาตั้งแต่วันนี้ อย่างไรก็ตาม จะต้องทำให้เขามีความภาคภูมิใจว่าถึงแม้จะเป็นผู้สูงอายุ ก็เป็นทรัพยากรเป็นประชากรที่มีศักยภาพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้ นี่คือสิ่งที่ตนกังวล จะต้องเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงนาม 7 กระทรวงวันนี้ เห็นได้ว่างานแต่ละงานไม่สามารถทำได้ด้วยคนคนเดีย ว งานทุกงาน ในฐานะตนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหาร เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดยุทธศาสตร์ และติดตามกำกับดูแลริเริ่ม แต่ผู้ปฏิบัติคือรองนายกรัฐมนตรี ที่นำนโยบายไปสู่การขับเคลื่อนร่วมกับรัฐมนตรี นำไปสู่การปฏิบัติกับหน่วยงานราชการ มีห่วงโซ่ในสายงานบังคับบัญชา เพราะฉะนั้นจะอ่อนตรงไหนไม่ได้ จะไม่ให้ความสำคัญตรงไหนไม่ได้ เพราะทุกคนคือห่วงโซ่ที่จะต้องทำงานไปด้วยกัน สายการบังคับบัญชาหรือช่วงการบังคับบัญชาเป็นขั้นเป็นตอนลงไป


“ถ้าทุกคนเอาใจใส่ ร่วมมือกัน คำว่าบูรณาการร่วมกัน ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องเอางานทั้งหมดที่เกิดมาในวันนี้มาดูว่ามีงานอะไรบ้าง เกี่ยวกับการพัฒนาคน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา สังคม อะไรก็แล้วแต่ จะต้องพิจารณาร่วมกันว่าจะดูแลอย่างไร จะร่วมมือกันอย่างไร นี่คือการบูรณาการงานร่วมกัน โจทย์มีให้แล้ว อยู่ตรงยุทธศาสตร์ชาติที่เขียนไว้ทั้ง 6 ข้อ ครอบคลุมทั้งหมดอยู่แล้ว นั่นคือแผนแม่บททั้งหมดสอดคล้องกัน หากเราไม่ทำมาแล้วเลยจะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการที่ออกมาพูด พูด พูด แล้วไม่ได้ทำ หรือไม่ได้เริ่ม ก็จะไม่มีทางเป็นไปได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราทำกันมาหลายปีแล้ว ทุกอย่างที่มีความพร้อมในวันนี้ที่สามารถแก้ไขปัญหาในวันนี้ได้มากที่สุด ทั้งการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค 19 สถานการณ์ การสู้รบอะไรต่าง ๆก็แล้วแต่ ถึงหลายคนจะรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ ยังไม่พอใจ แต่ถ้าไม่เตรียมความพร้อมในหลายปีที่ผ่านมาแล้ว ทั้งก่อนหน้านี้ จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน เราจะเจอกับเหตุการณ์ที่หนักกว่านี้อีกมาก เพราะฉะนั้นทุกคนทุกสิ่งจะต้องมีการสืบสานต่อเนื่องกันออกไป ทำงานไปด้วยกัน ในนามของรัฐบาล ที่ต้องแก้ไขปัญหาและสร้างทัศนคติของคนแต่ละคน ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร ให้คนที่จะมีส่วนร่วมแล้วเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างการรับรู้ต่างๆ ว่าจะเกิดความร่วมมือกันได้อย่างไร ว่ามีเจตนาที่ดีมีความมุ่งมั่น มีเป้าหมาย และมีวิธีการและจะทำอย่างไรในขั้นตอนตรงนี้ เพื่อให้คนเหล่านี้เข้ามาร่วมมือกับเราด้วยความเข้าใจ

“วันนี้โลกยุคใหม่อะไรก็เร็ว อะไรก็อยากได้เร็ว ๆ อยากทำเร็ว ๆ บางครั้งก็ลืมไปว่าจะต้องร่วมมือกันอย่างไร กับใครบ้างหรือเปล่า เราโทษเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆวันนี้ต้องสร้างการรับรู้ว่าหากจะไปด้วยกัน หากจะมั่นคงมั่งคั่ง ยั่งยืน ไปด้วยกัน จะต้องร่วมมือกัน รัฐมีหน้าที่ในการจัดระเบียบหาวิธีการทำงาน ขณะเดียวกันต้องหาวิธีการที่ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการของภาครัฐ หากเราอธิบายไม่ชัดเจน รัฐบาลใช้ข้อมูลขนาดใหญ่บริหารจัดการทุกกลุ่ม ซึ่งวันนี้มีความก้าวหน้าตามลำดับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณทุกคน ทุกกระทรวงที่ทำงานโดยเริ่มตั้งแต่ข้างบนลงไปข้างล่าง หรือข้างล่างขึ้นมาข้างบน ข้างบนคือระดับนโยบาย นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ไปยังปลัดกระทรวงอธิบดี และข้างล่างคือข้าราชการที่เราจะสัมผัสคือประชาชนในพื้นที่ ตรงนี้จะเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งคนข้างล่างเท่ากับข้างบน ไม่อย่างนั้นก็จะเดินหน้าต่อไม่ได้ ต่อให้ทำอะไรให้ดีก็ตาม หากไม่ขับเคลื่อนข้างล่างให้ได้คือปัญหา

“ขอให้ข้าราชการอย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง อย่าหมดกำลังใจ ผมพยายามเติมใจให้ทุกวันว่าต้องทำให้สำเร็จ ตราบใดที่ยังมีหน้าที่อยู่ จะเห็นได้ว่าหลายอย่าง ผมจะก้าวล่วงเข้าสักนิด อาจจะเตือนเรื่องนู้นเรื่องนี้ จะทำอย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ผมขอโทษด้วย เนื่องจากเป็นน้หาที่ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องทำ อะไรที่แนะนำได้ก็แนะนำไป อะไรที่สงสัยก็ถามไป สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพุ่งเป้า จะทำอะไรก็ตามต้องพุ่งเป้าให้เจอ หาเป้าหมายให้เจอแล้วเริ่มให้ได้โดยเร็วที่สุด หากทำทีเดียวก็จะไม่มีวันสำเร็จ เราไม่มีผลงานปรากฏให้คนอื่นรู้ ไม่สร้างการรับรู้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อสร้างการรับรู้ขึ้นมา คนจะเข้ามาหาเรา จะเจอปัญหาที่แตกต่าง ทุกคนปัญหาไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งพวกเราเอง ต่างคนต่างก็มีปัญหาของเราเอง แต่จะต้องรวมพลังตรงนี้ให้ได้เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว ที่จะต้องสร้างทัศนคตินี่คือสิ่งสำคัญ สร้างหลักคิดที่ดีที่ถูกต้อง สร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ถ้าหากพูดถึงหลักการอย่างเดียว ก็คงได้เพียงหลักการ หากแก้ได้ก็คงแก้กันไปนานแล้ว แต่ก็พยายามทำหลายอย่าง แก้ของเก่า แก้ของใหม่ ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจว่าเราทำไปหมดแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเดินหน้าไปได้มากน้อยเพียงใดในช่วงเวลาที่เรามีอยู่ แล้วย้อนกลับไปว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้างสิ่งนี้คือสิ่งที่ประชาชนต้องรับทราบ ว่าได้รับการดูแลไปแล้วมากน้อยเพียงใด

“เป้าหมายสำคัญคือต้องการประชาชนที่มีศักยภาพสูง แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างหลักคิดของประชาชนให้ได้ ทุกคนเกิดมามีอยู่แล้ว หลายคนเกิดมามีศักยภาพเฉพาะตัวอยู่แล้ว มีพรสวรรค์มาอยู่แล้วเพียงแต่ต้องหาพรสวรรค์ให้เจอ และนำพรสวรรค์มาใช้ประโยชน์กับตัวเขาเอง คนไทยเป็นคนช่างคิดอยู่แล้ว มีวรรณคดีมีอะไรต่าง ๆมากมาย คนไทยช่างคิด มีความโรแมนติก ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย แล้วจะทำอย่างไรให้เขามั่นคงกับสิ่งที่เราทำให้เขา ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ตนถือว่าทั้งหมดเป็นความท้าทาย อย่างยิ่งยวดสำหรับทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่จะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ติดตามเอาใจใส่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องสร้างความร่วมมือ ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการภาครัฐให้ได้ เราคิดเราทำเปิดช่องทางให้เขาเข้าถึง และต้องอดทนกับการแก้ไขปัญหา ไม่มีปัญหาอะไรที่จะแก้ได้ ด้วยการพูดไม่กี่คำ หรือทำไม่กี่ปี หลายอย่างต้องทำอย่างต่อเนื่อง และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสร้างการเรียนรู้ ให้ได้มากขึ้น เพื่อให้สังคมเราปลอดภัยศานติสุขสงบนั่นคือความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนอย่างแท้จริงทุกมิติ ขอให้ลองย้อนกลับไปดูแผนแม่บท ว่าต้องปรับตรงไหนอะไรอย่างไร เราต้องคิดว่าทำอะไรไปแล้ว

“ผมไม่ต้องการคำเยินยอจากใครทั้งสิ้น ขอให้ภูมิใจจากสิ่งที่เราทำ เราทำดีก็รู้ตัวว่าเราทำดี เราทำไม่ดีก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ดี ทำไม่ดีก็แก้ไขเท่านั้นเอง ทำไม่ดีก็แก้ไขซะเท่านั้นเอง ทำดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีมากขึ้นทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ตนคิดมาโดยตลอด และผมคิดว่าทุกคนร่วมมือกับผมด้วยดีเสมอมา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าการดำเนินการทุกอย่างต้องทำให้เกิดความต่อเนื่อง ทุกคนมีส่วนร่วมในสังคม ขอให้ดูที่การกระทำว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ทุกคนที่อยู่กับผมร่วมกันทำงานมาหลายปี ขอให้ไปดูว่าผลงานอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง เราคาดหวังว่าเราทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ซึ่งบอกก่อนว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง ถ้าได้ทำก็จะสานต่อให้สำเร็จ สิ่งที่ทำใกล้สำเร็จหรือที่ยังไม่สำเร็จ ทุกคนรู้ปัญหาดีหมด แต่จะทำอย่างไรนั้นสำคัญและทำได้หรือไม่ อยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศ ต้องขอบคุณที่ร่วมมือกันมาโดยตลอด ทำให้หลายอย่างก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด หลายอย่างก็อยู่ในขั้นตอนที่ต้องแก้ไข เหล่านี้เพราะความเข้าใจการทำงานของรัฐบาล ทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด

“ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเก่งที่สุด รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการทุกคน ทีมงาน เราต้องร่วมมือกันทุกมิติ ทุกพื้นที่ ประชาชนอยู่กับเรา ช่วยกันทำงาน พยายามแก้ให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ เราต้องผจญปัญหาอุปสรรคมากมาย เราอยู่มาหลายปี พยามป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก ทำให้ประเทศเราพัฒนาช้าเกินไป ก็พยามอย่างเต็มที่อย่างยิ่งยวด หน้าที่รัฐมนตรีมีตรงไหนก็ทำตรงนั้น ต้องให้กำลังใจกันอย่ามัวแต่ตำหนิต่อว่า ไม่เช่นนั้นคนทำงานก็หมดกำลังใจอย่าท้อแท้ สิ่งเหล่านี้คือความท้าทายของประเทศปัญหาหาเดินไปไม่ได้คือความท้าทายที่เกิดขึ้นกับคนทั้งประเทศ ประเทศไทยจะดีขึ้นหรือไม่ ทุกคนร่วมรับชะตากรรม ขอให้ทุกคนช่วยกัน สื่อมวลชนต้องช่วยกัน ก็เห็นว่าขัดแย้งกัน มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ ขัดแย้งมากขัดแย้งน้อยมีตัวอย่างอยู่แล้ว ผมไม่ต้องการให้อะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

ล่า “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงินกว่า 3 ล้าน

กทม. 1 ก.ค. – ตำรวจยังคงไล่ล่าแก๊งปล้นเงินกลางห้างดังย่านลาดพร้าว ได้เงินไปกว่า 3.4 ล้านบาท ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับแล้ว พบเป็นคนดังโซเชียลสายคุก ฉายา “เสือปุ่น” มีประวัติคดีโชกโชน .-สำนักข่าวไทย

“เจนี่” ถือฤกษ์ดี ปลงผมบวชสามเณรี ญาติมิตรร่วมอนุโมทนา

สระบุรี 1 ก.ค. – “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” วัย 44 ปี ถือฤกษ์งามยามดี เช้าวันนี้ (1 ก.ค.68) ปลงผมบวชสามเณรี ในโครงการบรรพชาสามเณรี รุ่นที่ 3 บริเวณปะรำพิธี ณ ศรีวรญาลัย จ.สระบุรี โดยมีครอบครัว ญาติสนิท ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ และเพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ ร่วมอนุโมทนา. – สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. ยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติ

ทำเนียบ 1 ก.ค.-นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้แจงเต็มที่ ยืนยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติและรักษาอธิปไตย ไม่มีเจตนาอยากได้อะไรเป็นของตัวเอง พร้อมขอโทษ หากวิธีการไม่ถูกใจใครหลายคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัย กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซ็น และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ด้วยมติ 7:2 ว่า ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลต่อจากนี้ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระยะเวลานั้นไม่แน่ใจ แต่มีเวลาประมาณ 15 วันที่จะชี้แจง ตนจะทำให้เต็มที่ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่า ความตั้งใจและเจตนาจริงๆ เกิน 100% ว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้เพื่ออธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ตนเองทำ อาจจะมีทั้งถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มีอยากได้อะไรของตัวเองเลย และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และตนก็คงรับไม่ได้หากพูดอะไรกับทางผู้นำและทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง อันนั้นเป็นความตั้งใจจริงๆ ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพราะฉะนั้นนี่คือ […]