รัฐบาลให้ความสำคัญพัฒนาคน

ทำเนียบรัฐบาล 24 มีค-นายกฯ ปธ.ลงนาม 7 กระทรวงร่วมดูแลคนตลอดช่วงชีวิต ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บอกตัวเอง-ทุกคนอย่าท้อ จะทำงานให้ดีที่สุด ขอโทษที่ก้าวก่ายการงานเพื่อไปถึงเป้าหมาย


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565 – 2569 โดยมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมร่วมพิธี

นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “มั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนการพัฒนาคนตลอดชีวิต” ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญการพัฒนากำลังคนของชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ เป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ การพัฒนาคนทุกช่วงวัย ถือเป็นรากฐานสำคัญที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนอย่างรอบด้าน วันนี้เน้นอยู่ 2 กลุ่มคือเด็กปฐมวัยและกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะเสริมศักยภาพให้ได้เพื่อให้เท่าเทียมกันทุกมิติ


“วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กเพราะฉะนั้นใครจะสร้างให้ได้ก็ต้องคนรุ่นเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือพ่อ แม่ ครอบครัว ญาติ พี่ น้อง และนำไปสู่โรงเรียนและสังคม เพราะฉะนั้นถ้าไม่สร้างภูมิคุ้มกันตรงนี้ เราจะไม่พร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์โลกต่อไป เมื่อต้องการผลลัพธ์พลเมืองที่มีคุณภาพ มีคุณค่าต่อสังคม จากเด็ก มาสู่การโตเป็นผู้ใหญ่มีงานทำ มีจิตสำนึก ที่ดีเผื่อแผ่แบ่งปัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ต่อจากนั้นเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจจะมีความลำบากในเรื่องการใช้ชีวิต อาชีพรายได้ ซึ่งคงจะต้องดูแลตรงนี้ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อสังคมและครอบครัวต่อไปในอนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยในปีหน้า จำนวนตัวเลขผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะเป็นภาระที่เด็กเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องดูแลและแก้ไขปัญหาตั้งแต่วันนี้ อย่างไรก็ตาม จะต้องทำให้เขามีความภาคภูมิใจว่าถึงแม้จะเป็นผู้สูงอายุ ก็เป็นทรัพยากรเป็นประชากรที่มีศักยภาพ และสามารถพึ่งพาตนเองได้ นี่คือสิ่งที่ตนกังวล จะต้องเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงนาม 7 กระทรวงวันนี้ เห็นได้ว่างานแต่ละงานไม่สามารถทำได้ด้วยคนคนเดีย ว งานทุกงาน ในฐานะตนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหาร เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ กำหนดยุทธศาสตร์ และติดตามกำกับดูแลริเริ่ม แต่ผู้ปฏิบัติคือรองนายกรัฐมนตรี ที่นำนโยบายไปสู่การขับเคลื่อนร่วมกับรัฐมนตรี นำไปสู่การปฏิบัติกับหน่วยงานราชการ มีห่วงโซ่ในสายงานบังคับบัญชา เพราะฉะนั้นจะอ่อนตรงไหนไม่ได้ จะไม่ให้ความสำคัญตรงไหนไม่ได้ เพราะทุกคนคือห่วงโซ่ที่จะต้องทำงานไปด้วยกัน สายการบังคับบัญชาหรือช่วงการบังคับบัญชาเป็นขั้นเป็นตอนลงไป


“ถ้าทุกคนเอาใจใส่ ร่วมมือกัน คำว่าบูรณาการร่วมกัน ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องเอางานทั้งหมดที่เกิดมาในวันนี้มาดูว่ามีงานอะไรบ้าง เกี่ยวกับการพัฒนาคน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา สังคม อะไรก็แล้วแต่ จะต้องพิจารณาร่วมกันว่าจะดูแลอย่างไร จะร่วมมือกันอย่างไร นี่คือการบูรณาการงานร่วมกัน โจทย์มีให้แล้ว อยู่ตรงยุทธศาสตร์ชาติที่เขียนไว้ทั้ง 6 ข้อ ครอบคลุมทั้งหมดอยู่แล้ว นั่นคือแผนแม่บททั้งหมดสอดคล้องกัน หากเราไม่ทำมาแล้วเลยจะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการที่ออกมาพูด พูด พูด แล้วไม่ได้ทำ หรือไม่ได้เริ่ม ก็จะไม่มีทางเป็นไปได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราทำกันมาหลายปีแล้ว ทุกอย่างที่มีความพร้อมในวันนี้ที่สามารถแก้ไขปัญหาในวันนี้ได้มากที่สุด ทั้งการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค 19 สถานการณ์ การสู้รบอะไรต่าง ๆก็แล้วแต่ ถึงหลายคนจะรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ ยังไม่พอใจ แต่ถ้าไม่เตรียมความพร้อมในหลายปีที่ผ่านมาแล้ว ทั้งก่อนหน้านี้ จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน เราจะเจอกับเหตุการณ์ที่หนักกว่านี้อีกมาก เพราะฉะนั้นทุกคนทุกสิ่งจะต้องมีการสืบสานต่อเนื่องกันออกไป ทำงานไปด้วยกัน ในนามของรัฐบาล ที่ต้องแก้ไขปัญหาและสร้างทัศนคติของคนแต่ละคน ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร ให้คนที่จะมีส่วนร่วมแล้วเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างการรับรู้ต่างๆ ว่าจะเกิดความร่วมมือกันได้อย่างไร ว่ามีเจตนาที่ดีมีความมุ่งมั่น มีเป้าหมาย และมีวิธีการและจะทำอย่างไรในขั้นตอนตรงนี้ เพื่อให้คนเหล่านี้เข้ามาร่วมมือกับเราด้วยความเข้าใจ

“วันนี้โลกยุคใหม่อะไรก็เร็ว อะไรก็อยากได้เร็ว ๆ อยากทำเร็ว ๆ บางครั้งก็ลืมไปว่าจะต้องร่วมมือกันอย่างไร กับใครบ้างหรือเปล่า เราโทษเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆวันนี้ต้องสร้างการรับรู้ว่าหากจะไปด้วยกัน หากจะมั่นคงมั่งคั่ง ยั่งยืน ไปด้วยกัน จะต้องร่วมมือกัน รัฐมีหน้าที่ในการจัดระเบียบหาวิธีการทำงาน ขณะเดียวกันต้องหาวิธีการที่ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการของภาครัฐ หากเราอธิบายไม่ชัดเจน รัฐบาลใช้ข้อมูลขนาดใหญ่บริหารจัดการทุกกลุ่ม ซึ่งวันนี้มีความก้าวหน้าตามลำดับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณทุกคน ทุกกระทรวงที่ทำงานโดยเริ่มตั้งแต่ข้างบนลงไปข้างล่าง หรือข้างล่างขึ้นมาข้างบน ข้างบนคือระดับนโยบาย นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ไปยังปลัดกระทรวงอธิบดี และข้างล่างคือข้าราชการที่เราจะสัมผัสคือประชาชนในพื้นที่ ตรงนี้จะเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งคนข้างล่างเท่ากับข้างบน ไม่อย่างนั้นก็จะเดินหน้าต่อไม่ได้ ต่อให้ทำอะไรให้ดีก็ตาม หากไม่ขับเคลื่อนข้างล่างให้ได้คือปัญหา

“ขอให้ข้าราชการอย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง อย่าหมดกำลังใจ ผมพยายามเติมใจให้ทุกวันว่าต้องทำให้สำเร็จ ตราบใดที่ยังมีหน้าที่อยู่ จะเห็นได้ว่าหลายอย่าง ผมจะก้าวล่วงเข้าสักนิด อาจจะเตือนเรื่องนู้นเรื่องนี้ จะทำอย่างไร ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ผมขอโทษด้วย เนื่องจากเป็นน้หาที่ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องทำ อะไรที่แนะนำได้ก็แนะนำไป อะไรที่สงสัยก็ถามไป สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพุ่งเป้า จะทำอะไรก็ตามต้องพุ่งเป้าให้เจอ หาเป้าหมายให้เจอแล้วเริ่มให้ได้โดยเร็วที่สุด หากทำทีเดียวก็จะไม่มีวันสำเร็จ เราไม่มีผลงานปรากฏให้คนอื่นรู้ ไม่สร้างการรับรู้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อสร้างการรับรู้ขึ้นมา คนจะเข้ามาหาเรา จะเจอปัญหาที่แตกต่าง ทุกคนปัญหาไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งพวกเราเอง ต่างคนต่างก็มีปัญหาของเราเอง แต่จะต้องรวมพลังตรงนี้ให้ได้เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว ที่จะต้องสร้างทัศนคตินี่คือสิ่งสำคัญ สร้างหลักคิดที่ดีที่ถูกต้อง สร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ถ้าหากพูดถึงหลักการอย่างเดียว ก็คงได้เพียงหลักการ หากแก้ได้ก็คงแก้กันไปนานแล้ว แต่ก็พยายามทำหลายอย่าง แก้ของเก่า แก้ของใหม่ ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจว่าเราทำไปหมดแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเดินหน้าไปได้มากน้อยเพียงใดในช่วงเวลาที่เรามีอยู่ แล้วย้อนกลับไปว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้างสิ่งนี้คือสิ่งที่ประชาชนต้องรับทราบ ว่าได้รับการดูแลไปแล้วมากน้อยเพียงใด

“เป้าหมายสำคัญคือต้องการประชาชนที่มีศักยภาพสูง แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างหลักคิดของประชาชนให้ได้ ทุกคนเกิดมามีอยู่แล้ว หลายคนเกิดมามีศักยภาพเฉพาะตัวอยู่แล้ว มีพรสวรรค์มาอยู่แล้วเพียงแต่ต้องหาพรสวรรค์ให้เจอ และนำพรสวรรค์มาใช้ประโยชน์กับตัวเขาเอง คนไทยเป็นคนช่างคิดอยู่แล้ว มีวรรณคดีมีอะไรต่าง ๆมากมาย คนไทยช่างคิด มีความโรแมนติก ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย แล้วจะทำอย่างไรให้เขามั่นคงกับสิ่งที่เราทำให้เขา ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ตนถือว่าทั้งหมดเป็นความท้าทาย อย่างยิ่งยวดสำหรับทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่จะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ติดตามเอาใจใส่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องสร้างความร่วมมือ ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการภาครัฐให้ได้ เราคิดเราทำเปิดช่องทางให้เขาเข้าถึง และต้องอดทนกับการแก้ไขปัญหา ไม่มีปัญหาอะไรที่จะแก้ได้ ด้วยการพูดไม่กี่คำ หรือทำไม่กี่ปี หลายอย่างต้องทำอย่างต่อเนื่อง และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสร้างการเรียนรู้ ให้ได้มากขึ้น เพื่อให้สังคมเราปลอดภัยศานติสุขสงบนั่นคือความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนอย่างแท้จริงทุกมิติ ขอให้ลองย้อนกลับไปดูแผนแม่บท ว่าต้องปรับตรงไหนอะไรอย่างไร เราต้องคิดว่าทำอะไรไปแล้ว

“ผมไม่ต้องการคำเยินยอจากใครทั้งสิ้น ขอให้ภูมิใจจากสิ่งที่เราทำ เราทำดีก็รู้ตัวว่าเราทำดี เราทำไม่ดีก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ดี ทำไม่ดีก็แก้ไขเท่านั้นเอง ทำไม่ดีก็แก้ไขซะเท่านั้นเอง ทำดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีมากขึ้นทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ตนคิดมาโดยตลอด และผมคิดว่าทุกคนร่วมมือกับผมด้วยดีเสมอมา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าการดำเนินการทุกอย่างต้องทำให้เกิดความต่อเนื่อง ทุกคนมีส่วนร่วมในสังคม ขอให้ดูที่การกระทำว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ทุกคนที่อยู่กับผมร่วมกันทำงานมาหลายปี ขอให้ไปดูว่าผลงานอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง เราคาดหวังว่าเราทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ซึ่งบอกก่อนว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง ถ้าได้ทำก็จะสานต่อให้สำเร็จ สิ่งที่ทำใกล้สำเร็จหรือที่ยังไม่สำเร็จ ทุกคนรู้ปัญหาดีหมด แต่จะทำอย่างไรนั้นสำคัญและทำได้หรือไม่ อยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศ ต้องขอบคุณที่ร่วมมือกันมาโดยตลอด ทำให้หลายอย่างก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด หลายอย่างก็อยู่ในขั้นตอนที่ต้องแก้ไข เหล่านี้เพราะความเข้าใจการทำงานของรัฐบาล ทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด

“ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเก่งที่สุด รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการทุกคน ทีมงาน เราต้องร่วมมือกันทุกมิติ ทุกพื้นที่ ประชาชนอยู่กับเรา ช่วยกันทำงาน พยายามแก้ให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ เราต้องผจญปัญหาอุปสรรคมากมาย เราอยู่มาหลายปี พยามป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก ทำให้ประเทศเราพัฒนาช้าเกินไป ก็พยามอย่างเต็มที่อย่างยิ่งยวด หน้าที่รัฐมนตรีมีตรงไหนก็ทำตรงนั้น ต้องให้กำลังใจกันอย่ามัวแต่ตำหนิต่อว่า ไม่เช่นนั้นคนทำงานก็หมดกำลังใจอย่าท้อแท้ สิ่งเหล่านี้คือความท้าทายของประเทศปัญหาหาเดินไปไม่ได้คือความท้าทายที่เกิดขึ้นกับคนทั้งประเทศ ประเทศไทยจะดีขึ้นหรือไม่ ทุกคนร่วมรับชะตากรรม ขอให้ทุกคนช่วยกัน สื่อมวลชนต้องช่วยกัน ก็เห็นว่าขัดแย้งกัน มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ ขัดแย้งมากขัดแย้งน้อยมีตัวอย่างอยู่แล้ว ผมไม่ต้องการให้อะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย