รัฐสภา 20 ม.ค.-รมช.เกษตรฯ แจงรัฐบาลไม่ปกปิดโรคระบาดในหมู โชว์ผลแล็ป ยันตรวจซากหมูตายเป็นพีอาร์อาร์เอส
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงกระทู้ถามสดของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่ตั้งคำถามเรื่องโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ)ในสุกร ว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 เจอซากสุกรลอยน้ำในแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงลงพื้นที่ด้วยตนเองและร่วมตรวจพิสูจน์ซาก เชื่อว่าเป็นโรคระบาดในสุกรที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ต้องกำจัดด้วยการทำลายสุกร อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคระบาดช่วงแรก เอกชนลงขันเป็นเงินหลัก 100 ล้านบาท และคิดเป็นค่าเผาทำลายสุกร รวม 90 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นสุกรยังไม่เป็นโรค แต่ต้องสกัดกั้นการระบาด
“ผลแล็ประบุว่าไม่พบอหิวาห์แอฟริกา แต่เป็น พีอาร์อาร์เอส ไม่ใช่เราไม่ยอมรับ แต่ผลแล็ปยืนยันมาแบบนี้ ผมขอทำความเข้าใจกับสมาชิกกรณีการปกปิดว่าโรคในสุกรที่ตายจำนวนมากคือโรคเอเอสเอฟ โรคพีอาร์อาร์เอส ระบบสืบพันธุ์และระบบหายใจ และซีเอสเอฟ อหิวาห์ในสุกร ซึ่งอาการของโรคเหมือนกันและตายภายใน 1 วัน โดยเอเอสเอฟไม่มีวัคซีน ส่วนโรคพีอาร์อาร์เอส เกษตรกรไม่อยากฉีดยาเพราะราคาแพง ส่วนซีเอสเอฟ ฉีดได้ทุกตัวเพราะราคาถูก อย่างไรก็ดี ผลแล็ปอ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ที่ตายพอสมควรระบุว่าเป็นพีอาร์เอส ส่วนโรคซีเอสเอฟเพิ่งเจอปีนี้ที่โรงฆ่าสัตว์นครปฐม รัฐบาลไม่ได้ปกปิด สำหรับหมูที่ตายทั้งสิ้น 2.7 แสนตัว ผลแล็ปบอกว่าเป็นพีอาร์อาร์เอส” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าว
นายประภัตร ชี้แจงว่า ปริมาณหมูในประเทศมีจำนวน 19 ล้านตัว มีกลุ่มผู้เลี้ยงรวม 1.9แสนราย แบ่งเป็นรายย่อยและรายเล็ก 1.8 แสนราย มีปริมาณหมูที่เลี้ยง ประมาณ 4 ล้านตัว ขณะที่รายใหญ่ 200 รายและรายกลาง 3,000 ราย มีปริมาณหมูที่เลี้ยง 15 ล้านตัว ส่วนที่ราคาหมูแพง กรมการค้าภายในเป็นผู้กำหนดราคา สาเหตุที่ทำให้ราคาเนื้อหมูแพงเนื่องจากราคาอาหารและราคาลูกหมู โดยในเดือนพฤศจิกายน พบว่าเดือนพฤศจิกายน 64 ต้นทุนการเลี้ยง 82 บาท เขียงหมูขาย 160 บาท แต่ในเดือนธันวาคม64 – มกราคม 65 ต้นทุนขึ้น 91 บาท ราคาหน้าฟาร์ม 110 บาท ราคาขายเนื้อแดง 215 บาท
จากนั้นนายจุลพันธุ์ ท้าพิสูจน์ให้ขุนศพหมูขึ้นมาตรวจอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าจะเจอโรคเอเอสเอฟแน่นอน อย่างไรก็ตาม การปกปิดข้อมูลดังกล่าวทำอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ในส่วนของราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น เชื่อว่ามีผู้ได้ประโยชน์จากผู้ค้าที่เก็บสต๊อกเนื้อหมู และตนพร้อมจะพาไปแหล่งที่เก็บสต๊อกเนื้อหมู ไม่ใช่ไปตรวจสต๊อกที่โรงเนื้อแกะและเนื้อวัว ทำให้นายประภัตร กล่าวยอมรับว่า “ผมไม่ได้แกล้งเซ่อ แต่ตรวจไม่เจอจริง ๆ”.-สำนักข่าวไทย