“สิระ” ลุยทุ่งสองห้องช่วย “มาดามหลี” หาเสียง

ตลาดทุ่งสองห้อง 5 ม.ค.-“สิระ” ถือฤกษ์วันเกิดลุยตลาดทุ่งสองห้องช่วยภรรยาหาเสียง มั่นใจยึดเก้าอี้ส.ส.หลักสี่คืนได้ คุยเกาะติดพื้นที่ตลอด 3 ปี เตรียมฟ้องส.ส.ก้าวไกล เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน ปมตัดต่อภาพโจมตี


นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ถือฤกษ์วันคล้ายวันเกิดลงพื้นที่ครั้งแรก หลังจากพ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เพื่อช่วยนางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ หรือมาดามหลี ภรรยาในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลักสี่-จตุจักร พรรคพลังประชารัฐ หาเสียง พร้อมตักบาตรพระสงฆ์ 5 รูป เนื่องในวันคล้ายวันเกิดด้วย โดยบรรยากาศที่ตลาดทุ่งสองห้อง มีบรรดาแฟนคลับมารอให้การต้อนรับพร้อมอวยพรวันเกิด นอกจากนี้ ยังนำเค้กวันเกิดมาให้นายสิระเป่ากลางตลาดด้วย

นายสิระ ถือโอกาสขอพรวันเกิดให้ชาวหลักสี่เลือกภรรยาของตนเป็นผู้แทนเพื่อสานต่องานที่เคยทำไว้ และขอให้ผู้สมัครคนอื่นทำการเมืองอย่างสุจริต ไม่โจมตีไม่ใส่ร้าย โดยนายสิระเชื่อว่านางสรัลรัศมิ์จะสามารถเข้าไปในสภาแบบแซ่บ ๆ และเป็นองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ได้อย่างแน่นอน


ด้านนางสรัลรัศมิ์ ยืนยันว่า ทำงานอย่างต่อเนื่องและเข้าถึงประชาชนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา อยู่เคียงข้างประชาชนทั้งยามทุกข์และยามสุข กลยุทธ์ของตนคือการที่ประชาชนพึ่งพาได้ตลอดเวลา เข้าถึงได้ง่าย ตอบสนองต่อการเรียกร้องของประชาชนอย่างรวดเร็ว

เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่หลังจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐประกาศว่าพรรคพลังประชารัฐจะต้องได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ นางสรัลรัศมิ์ กล่าวว่า ไม่มีความกดดัน เพราะคนอื่นเพิ่งเริ่มต้นหาเสียง แต่เราหาเสียงล่วงหน้ามา 3 ปีแล้ว ความได้เปรียบ อยู่ที่เราอยู่แล้ว ซึ่งจากการลงพื้นที่พบปะประชาชน สิ่งที่ต้องรีบแก้ไขปัญหาคือเรื่องปากท้องของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว และตนจะคอยเติมเต็มในสิ่งที่ประชาชนยังขาดอยู่ ทั้งยังพร้อมจะสานต่อสิ่งที่นายสิระทำไว้ได้ดีอยู่แล้ว เช่นงานในสภา จะเข้าไปทำหน้าที่ปกป้องรัฐบาล

นายสิระ กล่าวว่า จากเดิมที่ตนเคยลงพื้นที่หลักสี่ครั้งแรก พบว่า บางพื้นที่เป็นพื้นที่พักยาและมั่วสุม แต่ได้ปราบปรามเรื่องยาเสพติดจนหมดแล้ว และได้พัฒนาเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ส่วนคนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งและบอกว่าเคยเป็นอดีตส.ส.นั้น เวลาลงพื้นที่ให้ดูว่าที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่


ส่วนความในใจที่อยากจะพูด นายสิระ กล่าวว่า ระยะเวลารัฐบาลและรัฐสภาเหลือปีกว่า ๆ แต่ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้จึงขอเป็น ส.ส.เขต ยืนยันว่าพร้อมสะท้อนปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนเข้าสู่สภา ฯ ซึ่งนางสรัลรัศมิ์ดูแลประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่  จึงถือว่าครบเครื่องและพร้อมทำงานทันทีโดยไม่ต้องศึกษาพื้นที่ ไม่ต้องศึกษาคน สามารถทำงานต่อได้เลย

เมื่อถามว่า พรุ่งนี้(6 ม.ค.)จะเปิดรับสมัครแล้วจะถือเคล็ดอะไรหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ไม่มีอะไร แต่พรุ่งนี้เห็นว่าประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่-จตุจักรจะพานางสรัลรัศมิ์เดินไปสมัคร ถือว่าเป็นหญิงแกร่ง หญิงกล้า หญิงที่ทำงานเป็นและมีคุณภาพ

ส่วนนายสิระวางแผนชีวิตทางการเมืองหลังจากพ้นตำแหน่งส.ส.อย่างไร  นายสิระ กล่าวว่า สบายๆ ก่อนหน้านี้ตนต่อสู้เรื่องความยุติธรรมของประชาชนมาโดยตลอด หลังจากนี้จะใช้ตู้ ปณ.999 รับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือประชาชนต่อไป พร้อมรวบรวมทีมกฎหมายเพื่อต่อสู้ให้ทั้งคนหลักสี่และคนทั้งประเทศเหมือนเดิม

“ยอมรับว่าเคยลังเลว่า จะหยุดเรื่องบ้านเมืองเพื่อไปเที่ยวรอบโลกดีไหม แต่ว่ามาดามหลีบอกว่าเราทิ้งประชาชนไม่ได้ เวลาเกิดวิกฤติ แล้วประชาชนที่นึกถึงเราแล้วโทรหาเรา แต่เราทิ้งเขาไปจะเกิดอะไรขึ้น ที่เราเคยทุ่มเทไปมันจะเสียเปล่าไหม จึงขอทำงานเพื่อประชาชนต่อไป” นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลนำรูปของตัวเองไปตัดต่อในลักษณะล้อเลียนว่า ขอให้สู้กันแบบแมน ๆ วันนี้มีนักการเมืองคนหนึ่งที่เคยต่อต้านเรื่องของการก้มกราบตัดต่อภาพใส่ร้ายตน จึงให้ทีมกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

“ผมจะให้ทนายไปฟ้องร้อง นี่คือคนรุ่นใหม่ ทำอย่างนี้ได้อย่างไร และที่ต่อต้านเรื่องก้มกราบ เรื่องไหว้สวย พอจะมาสมัคร ส.ส.ก็ไหว้สวยจริง ๆ ก้มกราบได้จริง ๆ การกระทำกับจิตสำนึกนั้นขัดแย้งกันหรือไม่ ขอให้ประชาชนดูว่า เป็นการเล่นละครหรือไม่ หรือเป็นความจริงใจกับประชาชน แต่ยืนยันว่าเราจะหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ไม่ต้องห่วง เวลาลงพื้นที่ก็จะรู้ เพราะเรารู้จักทุกคน” นายสิระ กล่าว

เมื่อถามว่า จะส่งต่อหลวงพ่อป้อมให้ภรรยาหรือไม่ นายสิระ ทำท่าทางควักเหรียญหลวงพ่อป้อมที่ห้อยคอพร้อมอุทานว่า “โอ้โหย” ทำให้ผู้สื่อถามย้ำว่า จะมีให้มาดามหลีด้วยหรือไม่ ซึ่งนางสรัลรัศมิ์ ตอบผู้สื่อข่าวว่า “มีค่ะมี”

เมื่อถามน้ำว่า ตอนนี้หลวงพ่อป้อมยังขลังอยู่หรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการพิสูจน์แล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญแทรกแซงไม่ได้ เพราะขนาดตนที่ต่อสู้ให้ทุกเรื่องยังไม่รอด ใครถูกตัดสินอย่างไร อย่าไปโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนการต่อสู้คดีที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายการเลือกตั้งที่ผ่านมา นายสิระ กล่าวว่า กำลังคัดเรื่องคำวินิจฉัยกลางว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วทีมทนายความจะจัดการให้ ยืนยันว่าเรื่องคืนเงินและเรื่องไม่รับเงินเดือนนั้นตนเองเคยทำมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ส่วนเงินของสภาฯ ต้องดูรายละเอียดก่อน.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]