ดีเอสไอ 30 ม.ค. – นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พานายเอกราช โปรแกรมเมอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และวิเคราะห์ระบบ GPS เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งเเวดล้อม ในฐานะหัวหน้าทีมตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568
นายอัจฉริยะ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้พยานบุคคลในคดีนี้คือ นายเอกราช เข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยในวันนี้ยังได้นำรายงานการวิเคราะห์ทางด้านโปรแกรมเมอร์มาให้เห็นว่ามีการทุจริตอย่างไรในการตัดแต่งภาพ หรือการใช้เอกสารปลอมเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐเคยแถลงข่าว พร้อมกับคนบนเรือที่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ซึ่งตอนนี้ได้ส่งมอบให้กับดีเอสไอสมบูรณ์เรียบร้อย
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในส่วนข้อพิรุธที่ตนหมายถึงก่อนหน้านี้คือภาพในช่วงเวลา 21.56 น. ในวันเกิดเหตุ ทีมของตนได้ทำการพิสูจน์ทราบว่าภาพที่แตงโม ถ่ายคู่กับกระติก ใกล้สะพานพระราม 8 เป็นภาพตัดต่อ และพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้ขาของแซน วิศาพัช แทนขาของคุณแตงโม และใช้เบาะที่นั่งเป็นขาอีกข้างของคุณแตงโม ส่วนกระบวนการตรวจสอบภาพดังกล่าว เป็นภาพตัดต่อหรือไม่นั้น ทีมงานของตนได้นำคำให้การของแซน วิศาพัช ในรายการทีวีช่องต่าง ๆ ที่เคยบอกไว้ว่าถ่ายภาพของแตงโมเพียงภาพเดียว แต่ตนได้รับภาพมาจากทนายความท่านหนึ่ง ที่ส่งภาพมาให้กับตนทั้งหมด 3 ภาพ ทำให้เห็นได้ว่าสิ่งที่แซน วิศาพัช ให้ข้อมูลมานั้นเป็นเรื่องที่โกหก
“ในแต่ละภาพปรากฏว่าในส่วนล่าง ช่วงคอลงไปไม่มีการขยับแต่ในส่วนหัวมีการขยับ ทำให้รู้ได้ว่ามีการตัดต่อภาพดังกล่าว และทุกภาพได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว รวมทั้งทราบด้วยว่าใครเป็นคนตัดต่อภาพดังกล่าว พร้อมกับแจ้งให้ดีเอสไอได้รับทราบแล้ว และจะนำผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบที่ขึ้นทะเบียนโดยหน่วยงานรัฐ เข้ามาพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดด้วยเช่นกันเพื่อให้สมบูรณ์และมีหน่วยงานรับรองว่าเป็นภาพตัดต่อจริง”
นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า หากภาพดังกล่าวเป็นภาพตัดต่อจริงก็จะสามารถตอกย้ำได้ว่าการที่ตำรวจนำภาพนี้มาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 เม.ย.65 ที่ยืนยันว่าเป็นภาพจริง ก็ถือว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และหากภาพนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นภาพตัดต่อจริงก็จะสามารถยืนยันได้อีกว่าในช่วงเวลาดังกล่าวไม่พบคุณแตงโมบนเรือลำดังกล่าวแล้ว ทำให้สามารถพลิกคดีนี้ได้เลย ซึ่งจะเป็นข้อหาใหม่
ส่วนประเด็นอดีต สว. เกี่ยวข้องกับคดีแตงโม เพราะลูกชายอดีต สว. มีการไปยืมเรือมาในวันเกิดเหตุอีกลำ หรือเป็นเรือลำที่ 2 โดยอดีต สว. มีความสนิทกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองสามารถวิ่งเต้นโยกย้ายตำรวจได้ เชื่อว่าคดีมีใบสั่งในยุคนั้น แต่เชื่อว่าอีกไม่นานความจริงจะปรากฏ
ด้าน นายเอกราช ระบุว่า วันนี้เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เป็นครั้งที่ 3 นำข้อสังเกตและข้อพิรุธ หลักฐานการวิเคราะห์ GPS ทุกจุด ซึ่งข้อมูลทั้งรูปและคลิปวิดีโอเป็นไฟล์มีเดียส์ 1 TB ส่งให้ดีเอสไอไปตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยกระดุมเม็ดแรก คือ GPS เม็ดถัดไปเป็นข้อมูลที่บุคคลบนเรือ ออกมาแถลงต่อสื่อนำมาประกอบกับ GPS ทั้งหมดก็จะเห็นข้อพิรุธ อาทิ เรื่องเวลาและรูปว่าตกแต่งหรือไม่
นายเอกราช กล่าวอีกว่า ส่วนภาพเผยแพร่ในขณะนี้ว่ามีการตัดต่อหรือไม่นั้น ตนเป็นคนนำมาทำให้ดูเองส่งให้ อ.ปานเทพ พงษ์พัวพันธ์ นำเผยแพร่ โดยคนทำรีทัชจะเข้าใจเรื่องแสงและเงา การแต่งรูปทำได้หลายแบบ มีการถมดำ ปรับความมืด รวมทั้งมีการดึงภาพที่มีความละเอียดก็ส่งมอบให้ดีเอสไอ มีประมาณ 10-20 รูป ที่จะต้องพิสูจน์ เช่น ขาและมือคุณแตงโมในภาพเป็นอย่างไร ซึ่งปกติมือแตงโมจะเรียวและมีเล็บ แต่ในรูปมือขวามีลักษณะคนละแบบ นิ้วโป้งก็หัก มือซ้ายก็หายไปเลยปรับจนมองรายละเอียดไม่ออก
นายเอกราช กล่าวต่อว่า จากการสันนิษฐานหากจะตกแต่งภาพดังกล่าวจะต้องยกมาทั้งชุด คือต้องมี 2 คนแน่นอน เพราะองศาต่างๆ ไม่สามารถนำรูปคนมาประกบ 2 คนได้ ฉะนั้น ภาพจะต้องมี 2 คนนั่งอยู่บนเรือเป็นกระติกและอีกคนไม่รู้ว่าใคร แต่ไม่ใช่คุณแตงโมเพราะมีหลักฐานปรากฏ เชื่อว่าดีเอสไอจะสามารถพิสูจน์ได้ทุก อย่างไรก็ตาม ส่วนเรือลำที่ 2 มีหลักฐานบ่งชี้ให้ทางดีเอสไอตรวจสอบแต่เชื่อว่ามีคำตอบในเรื่องดังกล่าวแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า ดีเอสไอ จะดำเนินการเรียกพยานเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมรวมทั้งหมด 5 บุคคล 1 นิติบุคคล ดังนี้ 3 ก.พ.68 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ , 11 ก.พ.68 กรรมการ ผู้จัดการบริษัท ดีคืนดีวันจำกัด (นิติบุคคล) และนายภูดิท กำเนิดพลอย (ส่วนตัว) , 13 ก.พ.68 นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ และ นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และ 18 ก.พ.68 พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง ตามลำดับ. -420.-สำนักข่าวไทย