เมืองทองธานี 22 ธ.ค.-นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณปี 66 ย้ำห้ามทุจริต ใช้งบตรงเป้าเพื่อความสุขประชาชน ขอบคุณ ครม.-พรรคร่วม ระบุวันนี้โซเชียลแรง ขอคนไทยร่วมมือ-เข้าใจรัฐบาล หาช่องทางสื่อสารกับรัฐอย่างเหมาะสม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากรกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนา และมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมระบุว่า จากสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนที่ทำให้ภาครัฐผ่อนคลายได้มากขึ้น แต่ก็ต้องระมัดระวังกันต่อไปในทุกมิติ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐ มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จัดทำรายจ่ายงบประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท และวงเงิน 3.7 หมื่นล้านบาท มีเงินกู้ 5 แสนล้านบาท โดย พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท จะสิ้นสุดลงในปีงบประมาณ 2565 เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายประจำของภาครัฐปีงบประมาณ 2566 ถือปัจจัยสำคัญปัจจัยเดียวในเรื่องการฟื้นฟูของเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งการจัดทำงบประมาณปี 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามแนวทางพระราชดำริ ย้ำว่า การใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาประชาชน พัฒนาด้านการศึกษา ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากร่วมกับเศรษฐกิจภาคอื่นๆ แก้ไขปัญหาความยากจน นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในการทำงานมากขึ้น ประเมินผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการ ว่าเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้มากน้อยเพียงใด หากโครงการใดไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จะต้องยกเลิก เรื่องนี้เป็นสำคัญที่สุด
นอกจากนี้ ยังต้องมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งต้องยอมรับว่า เรายังคงต้องอยู่กับ โควิด -19 อีกนาน จึงต้องปรับตัวใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ระมัดระวังตัวเอง ปฏิบัติการตามมาตรการสาธารณสุข ลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ส่งเสริมการกระจายอำนาจการปกครองไปสู่ท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำ รวมไปถึงการจัดเก็บรายได้ ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และจะต้องจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน โดยหากมีงบประมาณนอกจะต้องนำมาพิจารณาก่อน เพื่อลดภาระงบประมาณและทำให้ทรัพยากรประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าให้มีการทุจริตเด็ดขาด เนื่องจากจะมีความผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งประชาชนสามารถส่งข้อมูลร้องเรียนเข้ามายังรัฐบาลได้
ขณะเดียวกัน การจัดทำแผนงานและโครงการ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ ต้องให้ความสำคัญกับประเด็นการพัฒนา 13 หมุดหมาย ของร่างแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 13 เพื่อเพิ่มศักยภาพการรับมือความเสี่ยงต่างๆควบคู่กับประเด็นการพัฒน่ตามแผนย่อยของแผนแม่บท 23 ประเด็น ซึ่งประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคของสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่ดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาลยินดีที่ได้ร่วมงานกับบรรดารัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ครม.และข้าราชการทุกคนที่ได้ร่วมกันจัดทำงบประมาณปี 64-65 ให้เป็นไปตามหลักการของยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูป และแผนอื่นๆที่กำหนด พร้อมระบุว่า หากไม่มีเป้าหมาย ไม่มีทิศทาง ก็จะไปแบบครึ่งๆกลางๆ จะไปไหนก็ไปไม่สุด ไม่สิ้นสุด ตรงนี้นิด ตรงโน้นหน่อย ไม่มีอะไรยั่งยืน หากต้องการความยั่งยืนก็ต้องเดินตามนี้ เข้าใจว่าคนไทยทุกวันนี้รู้จัก Social Media รู้หมด รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร รู้ว่าอยากได้อะไร อยากให้ทำอะไร แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือหน้าที่ของรัฐที่จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน อะไรคือระเบียบปฏิบัติ อะไรคือวิธีทำงาน ที่ต้องให้ความสำคัญ บางครั้งอาจจะมีคำพูดคำกล่าวให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้ แต่หลักการบริหารอยู่ที่ไหน ใครจะทำอะไรต้องรู้ว่าหลักการบริหารราชการแผ่นดินมีอะไร มีระเบียบข้อบังคับต่างๆมากมาย ถ้าทุกคนช่วยกันก็สามารถเดินหน้าไปได้ด้วยดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้าราชการต้องคิดว่า อะไรคือเป้าหมายของประชาชนแล้วประชาชนกับข้าราชการก็จะไปด้วยกันได้ เป้าหมายสำคัญคือ ทำอย่างไรที่คนไทยจะปลอดภัยจากโรคและภัยพิบัติ ทำอย่างไรให้คนไทยคิดและร่วมมือ ยอมรับว่า วันนี้สถานการณ์โซเชียลค่อนข้างรุนแรง จะทำอย่างไรให้ทุกคนคิดและร่วมมือกัน ตนบังคับใครให้คิดเหมือนกันไม่ได้อยู่แล้ว ตนไม่เคยบังคับใคร แต่ต้องการความร่วมมือและเข้าใจรัฐบาล รวมทั้งหาช่องทางที่เหมาะสมที่จะสื่อสารกับรัฐบาล
“อย่าลืมว่า รัฐบาลมีงบประมาณแค่ 3.1 หมื่นล้านล้านบาท ที่จะต้องศึกษาให้รอบด้าน ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา เกิดความขัดแย้ง อะไรก็ตาม ต้องทำตามกฎหมาย ทำประชาพิจารณ์ ทำ SEA เนื่องจากประชาชนยังเรียนรู้ไม่เพียงพอ ผมไม่ได้ว่าเขา แต่นี่คือความบกพร่องของเราเอง เราต้องเป็นคนถ่ายทอดให้เขา ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าได้เร็วขึ้น ประชาชนต้องฉลาด และรู้เท่าทัน ก็จะทำให้ประเทศก้าวหน้า เมื่อเราล้ม ต้องรีบลุกให้ไว ใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานต้องช่วยกันเพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนทั้งประเทศ สิ่งใดที่ไม่ดีต้องเรียนรู้แก้ไขทำความเข้าใจ สิ่งสำคัญวันนี้คือความมีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล ความสงบสุขของประเทศชาติ พร้อมย้ำว่า การจัดทำงบประมาณต้องอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความสุขให้กับประชาชน บริหารงบประมาณให้ตรงเป้าให้มากที่สุด หัวหน้าหน่วยงานติดตามการทำงานในหน่วยงานของท่าน เพื่อชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ และประชาชนที่รักยิ่งของเรา เราโชคดีที่อยู่ในดินแดนที่มีความสุข เรียกว่าสุวรรณภูมิมายาวนานหลายร้อยปี เพราะฉะนั้นจะนำประวัติศาสตร์ที่ดีมาเป็นตัวก่อกำเนิดให้เราได้ทำประวัติศาสตร์ใหม่ร่วมกันกับคนรุ่นปัจจุบัน วันนี้คือประวัติศาสตร์ในอนาคตของเรา จึงต้องเริ่มจากเรา เริ่มจากคนในยุคนี้ สมัยนี้ โดยหน้าที่ของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ราชการ มีอย่างเดียว คือทำให้ทุกคนมีความสุข มีความสุขอย่างพอเพียง คำว่าพอเพียงคือมีมาก ใช้มากมีน้อยใช้น้อย เพื่อประชาชน การทำงานเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และประชาชนและเป็นที่รักยิ่ง โดยประชาชนต้องได้ประโยชน์สูงสุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย.