ทำเนียบ 10 พ.ย.-นายกฯ หารือ รมต.กต.สหราชอาณาจักร ยืนยันความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่รอบด้าน พร้อมผลักดันความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
นางเอลิซาเบท ทรัสส์ (ลิซ) (The Right Honourable Elizabeth Truss MP) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรที่แน่นแฟ้นยาวนานกว่า 400 ปี ถือเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย และได้แสดงความยินดีกับสหราชอาณาจักรในการจัดประชุม COP26 (World Leaders’ Summit) ที่ประสบความสำเร็จอย่างลุล่วงเห็นผลเป็นรูปธรรม และเชื่อมั่นว่า ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์สองประเทศ ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร เชื่อมั่นว่าสองประเทศมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก ทั้งด้านการค้า การลงทุน และความมั่นคง ทั้งนี้ ทราบว่าไทยกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ซึ่งสหราชอาณาจักรพร้อมให้คำแนะนำและทำงานร่วมกับไทย
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณสหราชอาณาจักรที่ได้มอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแก่ไทย และได้ให้การรับรองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ พร้อมเชิญชวนให้สหราชอาณาจักรร่วมมือกับไทยในการวิจัยวัคซีน ChulaCov-19 ซึ่งพัฒนาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม พร้อมกันนี้ เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น ผ่านกลไกคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (JETCO) ตลอดจนการแสวงหาความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) และไทยให้ความสำคัญกับการค้าพหุภาคีและการจัดทำ FTA โดยไทยหวังว่าจะหารือการจัดทำ FTA ระหว่างกันในโอกาสแรก
นายกรัฐมนตรี พร้อมผลักดันความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญ ด้านการเปลี่ยนถ่ายพลังงานและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
ในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยืนยันว่าไทยต้องการเห็นสันติภาพและเสถียรภาพกลับคืนสู่เมียนมา และต้องการให้มีการเจรจาหาทางออกร่วมกันด้วยสันติวิธี พร้อมขอบคุณสหราชอาณาจักรที่ได้ให้การสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในเมียนมา.-สำนักข่าวไทย