เลิกพรรคปชช.ปฏิรูปถูกกม. “ไพบูลย์” ไม่พ้นส.ส.

ศาลรัฐธรรมนูญ 20 ต.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากชี้“ไพบูลย์” ไม่สิ้นสุดสมาชิกภาพส.ส. พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อกล่าวหามีวาระซ่อนเร้น ไม่มีพยานหลักฐาน


คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องของ ส.ส.จำนวน 60 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพส.ส.ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ กรณีนายไพบูลย์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปและส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคประชาชนปฏิรูป สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หลังจากพรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทั้งที่ต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปอยู่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐที่ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก่อนปิดการรับสมัครเลือกตั้ง จะเป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงหรือไม่

จากนั้น องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง โดยศาลรัฐธรรมนูญมอบหมายให้นายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย ว่าพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา คำชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกสารประกอบ ปรากฎว่าผู้ถูกร้องเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป ผู้ถูกร้องเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาชนปฏิรูปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2562 พรรคประชาชนปฏิรูปประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคครั้งที่ 10/2562 และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป และให้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ผู้ถูกร้องมีหนังสือลงวันที่ 5 สิงหาคม 2562 แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป ตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป 2561 ข้อ 122 นายทะเบียนพรรคการเมือง ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอต่อ กกต.พิจารณาและประกาศการสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองของพรรคประชาชนปฏิรูปในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562


ต่อมาวันที่ 9 กันยายน 2562 นายไพบูลย์สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแจ้งจำนวนสมาชิกตามมาตรา 25 วรรคสองต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง และนายทะเบียนพรรคการเมืองมีหนังสือลงวันที่ 17 ตุลาคม 2562 แจ้งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่าผู้ถูกร้องเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว มีข้อพิจารณาเบื้องต้นว่าการสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองของพรรคประชาชนปฏิรูปชอบด้วย พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบวรรคสี่หรือไม่

ศาลเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคณะกรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูปได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิกพรรคการเมือง ตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป 2561 ข้อ 122 เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการที่กำหนดในข้อ 54 คือมีกรรมการบริหารพรรคการเมืองมาประชุมจำนวน 16 คน ซึ่งไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่มีอยู่ในขณะนั้น คือ 29 คน และกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้มาประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ทั้ง 16 คน จึงเป็นเสียงข้างมากของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองตามข้อ 55 มติของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป จึงเป็นไปโดยชอบตามข้อ 122 ประกอบข้อ 54 และข้อ 55 โดยเหตุผลให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูปว่าเนื่องจากกรรมการบริหารพรรคการเมืองหลายคนลาออก และอีกหลายคนกำลังจะลาออก รวมทั้งขาดบุคลากรสนับสนุน ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการพรรคประชาชนปฏิรูปต่อไปได้

เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้รับแจ้งการเลิกพรรคประชาชนปฏิรูป นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงตรวจสอบกรณีดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 91 วรรคสอง และให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้เข้าร่วมประชุมลงมติครั้งนั้นให้ถ้อยคำต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ปรากฏว่าคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง 15 คนให้ถ้อยคำยืนยันสอดคล้องกันว่าการประชุมลงมติให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูปด้วยเหตุผลดังกล่าวจริง ส่วนอีก 1 คนอยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงเสนอให้กกต.พิจารณา ซึ่งกกต.พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ประกาศการสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองของพรรคประชาชนปฏิรูป และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 การสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูปจึงเป็นไปโดยชอบ


ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าการเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปตามข้อบังคับพรรคอันเป็นเหตุให้พรรคประชาชนปฏิรูป สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามประกาศของ กกต.เป็นการกระทำของผู้ถูกร้องที่มีเจตนาซ่อนเร้น อาศัยมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งนายไพบูลย์เป็นหัวหน้าพรรค มีอำนาจเหนือกว่ากรรมการบริหารพรรค เห็นว่าไม่มีข้อเท็จจริงหรือพยาน หลักฐานใดแสดงให้ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นได้ว่ากรณีเป็นไปดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง เมื่อพรรคประชาชนปฏิรูปเลิกตามข้อบังคับของพรรคประชาชนปฏิรูป 2561 ข้อ 122 และกกต.ประกาศสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูปในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 มีผลให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสุดลงตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 90 (1) ประกอบมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทำให้สมาชิกภาพของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง

เมื่อพรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมืองตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป 2561 ข้อ 62 วรรคหนึ่ง (6 ) ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2562 แต่นายไพบลูย์เป็นส.ส. ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10 )ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 91 วรรคสี่ ที่บัญญัติให้ถือว่าการสิ้นสภาพของพรรคการเมืองตามมาตรานี้เป็นการถูกยุบพรรคการเมืองโดยมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองสมาชิกที่เป็น ส.ส. ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากพรรคการเมืองสิ้นสภาพ อันเป็นหลักการเดียวกับการคุ้มครอง ส.ส.ที่สังกัดพรรคการเมืองที่ถูกยุบพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10 ) ดังนั้น สมาชิกพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพตามมาตรา 91 จึงเข้าไปสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้ภายใน 60 วันนับแต่วันที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพ นายไพบูลย์จึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งยุบพรรคการเมืองได้ คือวันที่ 6 กันยายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ถูกร้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 จึงเป็นระยะเวลาภายใน 60 วันนับแต่วันที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง สำหรับข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่านายไพบูลย์ในฐานที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปต้องอยู่ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคจนกว่าจะชำระบัญชีเสร็จ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 95 ศาลเห็นว่าบทบัญญัติมาตราดังกล่าวเป็นการกำหนดหน้าที่ของหัวหน้าพรรคการเมือง ที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพหรือยุบพรรคการเมืองต้องปฎิบัติหน้าที่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ โดยมีหน้าที่ให้ข้อมูลส่งบัญชีและงบดุล รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเงินของพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพหรือยุบ และห้ามหัวหน้าพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในนามพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพหรือถูกยุบไปแล้ว แต่ไม่ห้ามดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองในนามพรรคการเมืองอื่น

ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าผู้ถูกร้องไม่ได้เป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต.ก่อนการปิดรับสมัครการเลือกตั้ง นายไพบูลย์จึงไม่สามารถเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 56 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 57 ศาลเห็นว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 90 กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการได้มา ซึ่งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองโดยมีวัตถุประสงค์ใช้บังคับกับกรณีที่อยู่ระหว่างการจัดการเลือกตั้งและก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง จึงเป็นคนละกรณีกับการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 ( 10 ) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) และมาตรา 91 วรรคสี่ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการเลือกตั้ง และผู้ถูกร้องได้รับการประกาศผลการเลือกตั้งเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแล้ว อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้อง ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]