รัฐสภา 11 ก.ย.-“สามารถ” มองเป็นเรื่องดี ตระกูลรัตนเศรษฐ-อดีต สส. ขนทัพลาออก พปชร. เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่แจ้งเกิดทางการเมือง เมินกระแสยี้ ป้อง “ไพบูลย์” นั่งเลขาฯ เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีตระกูลรัตนเศรษฐ อดีต สส. และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หลายคนขนทัพออกจากพรรคพลังประชารัฐ ว่า เหมือนนักฟุตบอล อย่ามองว่านักการเมืองเป็นอาชีพที่ไม่มีใครแตะต้องได้ เพราะนักการเมืองเหมือนอาชีพทั่วไปที่มีเข้าและออก พร้อมยกตัวอย่างเหมือนกีฬาฟุตบอล เวลามีเปิด-ปิดฤดูกาล จะเห็นนักเตะย้ายทีมไปหาทีมสังกัดที่เล่นเข้ากัน หรือถ้ามีเงื่อนไขที่ดีกว่า เขาก็ย้าย วันนี้ไม่แปลก ต้องเคารพตระกูลรัตนเศรษฐ รวมถึงทุกคนด้วยที่ตัดสินใจแบบนั้น ส่วนตัวไม่ทราบว่า ได้มีการไปลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และจากกันด้วยดีหรือไม่ แต่ขออย่านำมาเป็นประเด็นการเมือง เพราะคนไหลเข้าก็มี ซึ่งเมื่อวานนี้มีการเปิดตัวนายภัครธรณ์ เทียนไชย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทำไมไม่มีการพูดถึงบ้าง เพราะเป็นผู้ว่าฯ มา 10 ปี เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ ทำไมถึงไม่พูดบ้างว่า คนที่มีศักยภาพแบบนี้ก็ไหลเข้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีคนเข้าคนออก ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ส่วนที่ยังไม่ถึงฤดูเลือกตั้ง แต่มีการขนทัพออกไปแล้ว นายสามารถ บอกว่า ก็ดีแล้ว เพราะการเมืองจะได้เซต เอาคนรุ่นใหม่เข้ามาได้ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีต่อประชาชนด้วยซ้ำ ประชาชนจะได้นักการเมืองคนรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่ตระกูลใหญ่ ได้ตระกูลใหม่ๆ เข้ามาบ้าง เพื่อจะทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพราะถ้าเอาแต่คนเก่าๆ คนรุ่นใหม่ที่อยากเข้ามาทำงานการเมืองก็เข้ามาไม่ได้ พร้อมย้ำว่า เป็นโอกาสที่ดีในการปรับโครงสร้าง นโยบาย การทำงานของพรรค เพื่อประชาชน และทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชารัฐจะเป็นสถาบันทางการเมือง จะเป็นพรรคที่ปกป้องประชาชน
“สำคัญที่สุด ที่หัวหน้าพรรคได้ยกมือขึ้นเหนือหัว ในวันที่ได้รับการเลือกตั้งกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ท่านพูดชัดเจน จะต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมคิดว่าพรรคการเมืองที่เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมที่ทันสมัยแบบพรรคพลังประชารัฐ จะได้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่หายไป ถ้ามีคนเก่าๆ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เหมือนต้นไม้ ถ้าไม่เอาต้นไม้ใหญ่ออก ต้นเล็กๆ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันก็เกิดขึ้นไม่ได้” นายสามารถ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวที่คนลาออกส่วนหนึ่งไม่ชอบและไม่เห็นด้วยกับการตั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน เปฺ็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสามารถ กล่าวว่า ความชอบความไม่ชอบเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล อย่าเอาเรื่องปัจเจกบุคคลมาเป็นภาพรวม ในฐานะที่ตนอยู่พรรคพลังประชารัฐ มาตั้งแต่ปี 2561 เห็นพรรคตั้งแต่ไม่มี สส. จนมี สส.กว่า 100 คน สุดท้ายเหลือ 40 คน ช่วงที่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันก็อยู่มาหมดแล้ว และเห็นว่า เลขาธิการพรรคก็เปลี่ยนมาหลายคน ส่วนตัวมองว่า นายไพบูลย์ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ช่วงเวลานี้ ที่พรรคต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการทำงาน เพื่อให้สอดรับกับบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป ส่วนคนอื่นจะมองว่านายไพบูลย์เป็นอย่างไร เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ที่เราต้องเคารพการตัดสินใจของแต่ละคน ไม่ควรเอาความคิดเห็นของเราไปใส่หัวใคร และไม่ควรเอาความคิดคนอื่นมาใส่หัวเรา ส่วนตัวเคารพนายไพบูลย์ และในที่ประชุมพรรคก็มีการเสนอชื่อนายไพบูลย์ เพียงคนเดียว ไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นมาแข่งกับนายไพบูลย์ และมติชัดเจนว่า นายไพบูลย์ เหมาะกับการเป็นเลขาธิการพรรค.-319.-สำนักข่าวไทย