กรุงเทพฯ 16 ต.ค.- โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ปลื้มกระแสตอบรับ “คนละครึ่ง เฟส 3 -ยิ่งใช้ยิ่งได้” ใช้ผ่าน Platform Delivery ประสบความสำเร็จ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ขณะที่ยอดมาตรการลดค่าครองชีพทะลุแสนล้าน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินโครงการ คนละครึ่งเฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นอย่างมาก เพราะได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งประชาชนและร้านค้า สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของประชาชน เงินสะพัดในชุมชน เจ้าของร้านค้า หาบเร่ แผงลอย รถเข็น ต่างก็มีรายได้เพิ่มขึ้น และการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ก็สะดวก โดยล่าสุด ยอดรวมของมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น มียอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวมกว่า 39.9 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสมรวม 108,387.5 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 25.08 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 94,458.2 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 48,005.4 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 46,452.7 ล้านบาท 2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 81,929 คน ยอดใช้จ่ายส่วนประชาชนสะสม 2,603.8 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 130.5 ล้านบาท 3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.54 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 10,433.7 ล้านบาท และ 4. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.2 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 761.3 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงการคลัง ได้โอนเงินคนละครึ่งรอบที่ 2 จำนวน 1,500 บาท เข้าแอปฯ เป๋าตัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 3 และยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ อย่าง GRAB และ LINE MAN ได้ ตอนนี้มีร้านค้าให้บริการผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์มแล้ว กว่า 58,000 ราย ซึ่งประชาชนสามารถใช้จ่ายโครงการดังกล่าว ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม นี้ เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยได้สะดวกมากขึ้น สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ New Normal ทำให้เศรษฐกิจชุมชนมีการขยายตัวมากขึ้น เป็นไปตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ต้องการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไป
“ขณะนี้สถานการณ์ระบาดโควิด-19 และมาตรการควบคุมของรัฐบาล เริ่มคลี่คลาย เตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งคาดว่ากิจกรรมเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น ประชาชนในประเทศมีความเชื่อมั่น กลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมทั้งเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และเทศกาลปีใหม่ โดยรัฐบาลพร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย พลิกโฉมประเทศ “โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว .-สำนักข่าวไทย