ป.ป.ช. 4 ต.ค. – “หมอชลน่าน” ชี้นายกฯ ต้องยื่นทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไข รธน.ตามกรอบ ไม่มีอำนาจตรวจสอบ อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ระบุเปิดก่อนไม่เป็นผลดี
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า นายกรัฐมนตรีต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเขียนแยกไว้ต่างหากในมาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เขียนโยงไปถึงขั้นตอนนำทูลเกล้าฯ ว่า เมื่อรอไว้ 15 วันแล้ว ก็ดำเนินการตามมาตรา 81 ซึ่งจะโยงไปถึงมาตรา 145 นายกรัฐมนตรีจะต้องนำทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน จะทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้ พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญใดที่จะไปตรวจสอบความชอบของร่างดังกล่าว แต่ที่จะตรวจสอบร่างฯ ได้ก็บัญญัติไว้เฉพาะในมาตรา 256 (9) ว่า เป็นหน้าที่ของ ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อ 1 ใน 10 ยื่นตรวจสอบ และสามารถตรวจสอบได้ 2 เรื่อง คือ 1. เรื่องที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ และ 2. เรื่องการทำประชามติ ว่าจะต้องทำก่อนหรือไม่
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งหนังสือเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งให้กับพรรคการเมืองว่า จะเรียกว่าเป็นส่งสัญญาณเลือกตั้งครั้งใหม่ก็ได้ เพราะตามกฎหมายเดิม กำหนดให้พรรคมีเขตเลือกตั้ง 350 เขต เท่าที่มีการตรวจสอบของ กกต. มีหลายพรรคการเมืองที่ยังไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ จึงอาจเป็นการเตือนหรือส่งสัญญาณจากหน่วยงานที่รับผิดชอบว่า ถ้าพรรคการเมืองไม่ทำ จะไม่มีสิทธิส่งผู้สมัคร ส่วนจะมีการส่งสัญญาณถึงการยุบสภาหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่จะคิด
ส่วนที่หลายพรรคได้มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น สำหรับพรรคเพื่อไทยยังขอไม่เปิดเผย ขอให้รอเซอร์ไพรส์ ยืนยันว่า ว้าวแน่นอน เพราะเปิดตอนนี้ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย และบุคคลที่ถูกเปิดชื่อก็อาจจะเป็นเป้าหมายที่ถูกทำลายได้ เพราะการเมืองขณะนี้ไม่ใช่การเมืองในภาวะปกติ ต้องระมัดระวังตัว
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 แบบไม่ลงมติว่า ตามรัฐธรรมนูญฝ่ายค้านมีสิทธิที่จะยื่นในสมัยประชุมต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายค้านก็มีการพิจารณากันอยู่ เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้หลายเรื่อง และรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ซึ่งก็เป็นภาวะวิกฤติที่เหมาะสมที่จะยื่นตามมาตรา 152 แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่แน่ชัดในการยื่น เป็นเพียงแนวทางที่ได้มีการพูดคุยกันไว้.-สำนักข่าวไทย