นนทบุรี 30 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่นนทบุรี ติดตามสถานการณ์น้ำ และแนวก่อสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมรอบเกาะเกร็ด เจอผู้ชุมนุมขับไล่ ด้านตำรวจคุมเข้ม
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีว่ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และส.ส.พรรคพลังประชารัฐจำนวนหนึ่งมารอต้อนรับ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่มเตรียมเคลื่อนไหวขับไล่การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอความร่วมมือให้ไปรวมกลุ่มกันที่บริเวณท่าน้ำนนทบุรี ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะเดินทางขึ้นเรือหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจตรวจสถานการณ์น้ำ
จุดแรกนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ศาลาท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด โดยมีนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผวจ นนทบุรี และผู้บริหาร พร้อมมีประชาชนบางส่วนมารอต้อนรับ ถือป้ายให้กำลังใจและตะโกนให้”นายกฯ สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ นายกฯหล่อมาก” และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ขณะที่นายกฯได้ชูมือถือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู พร้อมทักทายประชาชน และเด็กๆ ว่า “เรียนให้เก่งๆ รักคุณพ่อคุณแม่ให้เยอะๆนะครอบครัวสำคัญที่สุด”และระหว่างอยู่บนเวทีเพื่อถ่ายรูปนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำมือขวาแล้วนำไปวางที่หน้าอกด้านซ้ายตรงหัวใจ ก่อนจะขว้างส่งให้กับกลุ่มประชาขนที่สนับสนุนสร้างเสียงกรี๊ดจากกลุ่มที่สนับสนุน ขณะเดียวกันก็มีประชาชนบางส่วนมาเคลื่อนต่อต้านนายกรัฐมนตรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบต้องคุมตัวออกนอกพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เดินอมยิ้มตลอดทาง ท่ามกลางฝนตกปรอยๆ และได้ชวนรัฐมนตรีที่ร่วมคณะตลอดจน ส.ส.กรุงเทพมหานครของพรรคพลังประชารัฐขึ้นไปบนเวที เพื่อโบกมือให้กับประชาชน ที่มาต้อนรับ ก่อนจะลงมาทักทายประชาชนตลอดเส้นทางก่อนจะลงเรือ และระหว่างที่นายกรัฐมนตรี กำลังใส่เสื้อชูชีพได้หันไปมอง นายสุชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่พยายามจะใส่เสื้อชูชีพแต่ไม่สามารถใส่ได้เนื่องจากเสื้อขนาดเล็กกว่าตัวของนายสุชาติ นายกฯจึงหยอกว่าหุ่นแบบนี้คงไม่ต้องใส่แล้วมั้งถ้าตกน้ำก็ลอย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ขึ้นเรือจากศาลาท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ และรับฟังบรรยาสรุปจากกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า สถานการณ์ระดับน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากสถานีวัดระดับน้ำ นครสวรรค์ พบมีปริมาณน้ำไหลผ่านเริ่มทรงตัว เมื่อรวมกับน้ำที่มาจากแม่น้ำสะแกกรัง ตัวเลขอยู่ที่ 3,123 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระบายน้ำเข้าสู่ทุ่งรับน้ำนองอย่างต่อเนื่อง และ ยังมีศักยภาพรองรับน้ำได้อีกเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เก็บน้ำได้เต็มความจุแล้ว จึงต้องระบายน้ำ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่บังคับน้ำให้ผ่านเขื่อนพระรามหกเพียง 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนที่เหลือระบายเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ส่วนระดับน้ำ ที่อำเภอบางไทรวัดได้ 2,873 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังไม่เต็มขีดความสามารถที่รองรับได้ประมาณ 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงเร่งระบายน้ำในช่วงที่น้ำทะเลลง เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่อาจเพิ่มมากขึ้น
สำหรับพื้นที่ปากเกร็ดหากมีปริมาณน้ำปล่อยมา 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลกระทบต่อชุมชนในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ 3 ชุมชน พร้อมแจ้งเตือนประชาชน ระมัดระวังน้ำทะเลหนุนสูงเวลา 20.00 น. วันนี้(30ก.ย.) ทั้งนี้ระหว่างลงเรือ นายกรัฐมนตรี ยังได้ตรวจเยี่ยมการสร้างคันกั้นน้ำ ที่จะดำเนินการสร้างทั้งหมดความยาว 50 กิโลเมตร และดำเนินการแล้วเสร็จ 18 กิโลเมตร พร้อมตรวจเยี่ยมบ้านเรือนประชาชนที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบบางส่วน ตลอดจนติดตามการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำมท่วมรอบเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ดด้วย ซึ่งเส้นทางการตรวจเยี่ยมทางเรือมีระยะทางประมาณ 12.5 กิโลเมตร .-สำนักข่าวไทย.